วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

รัฐเปิดช่องทางให้ผู้หลงผิดมอบตัว

 

รัฐเปิดช่องทางให้ผู้หลงผิดมอบตัว

แนวทางการดำเนินคดีความมั่นคง สำหรับพนักงานอัยการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ร.บ.องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ.2523 ตาม มาตรา 21 “พนักงานอัยการมีอิสระในการพิจารณาสั่งคดี การปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และตามกฎหมายโดยสุจริต เที่ยงธรรม”

การใช้อำนาจตามมาตรา 21 แห่ง พ.ร.บ.องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ.2523

ถ้าหากพนักงานอัยการเห็นว่า การฟ้องคดีอาญาจะไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน หรือจะมีผลกระทบ ต่อความปลอดภัยหรือความมั่นคงของชาติ หรือผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศให้เสนอ ต่ออัยการสูงสุด และอัยการสูงสุดมีอำนาจสั่งไม่ฟ้อง ทั้งนี้ ตามระเบียบที่สำนักอัยการสูงสุดกำหนด โดยความเห็นชอบของ ก.อ. (คณะกรรมการอัยการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ) ให้นำความในวรรคสองมาใช้บังคับกรณีที่พนักงานอัยการไม่ยื่นคำร้องไม่อุทธรณ์ ไม่ฎีกา ถอนฟ้อง ถอนคำร้อง ถอนอุทธรณ์ และถอนฎีกา ด้วยโดยอนุโลม

การใช้อำนาจตามมาตรา 21 แห่ง พ.ร.บ.องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ.2523 เป็นการใช้อำนาจของอัยการสูงสุด เป็นอำนาจทางการบริหาร จะไม่ผูกติดกับอำนาจตุลาการ การสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาคดีความมั่นคงของอัยการสูงสุด ถ้าเห็นว่าการฟ้องจะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน หรือจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัย หรือความมั่นคงของชาติจะต้องผ่านการพิจารณาจาก ผอ.รมน.ภาค 4 แล้ว เห็นว่าบุคคลนั้นกระทำไปเพราะหลงผิด และสัญญาว่าจะกลับใจ จะไม่เข้าร่วมขบวนการและสามารถที่จะดึงคนในขบวนการและเพื่อนออกมาได้ อัยการสูงสุด สามารถถอนฟ้องได้ เรื่องทางคดีอาญาเป็นอันยุติ

“การสั่งไม่ฟ้อง” ดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อ“โครงการพาคนกลับบ้าน” โดยจะต้องผ่านความเห็นชอบจาก ผอ.รมน.ภาค 4 จะเป็นส่วนสนับสนุนให้ ผกร. หรือผู้ที่หลงผิดสามารถเข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้านมากขึ้น ส่วนผู้ที่ให้ความร่วมมือ ผู้ที่ให้ข้อเท็จจริงกับรัฐ ศาลรับฟังและลดโทษให้ ที่ผ่านมาหลายคดีผู้ที่ไม่ยอมรับสารภาพในชั้นซักถาม มีการส่งตัวฟ้องศาล ดำเนินคดีจนกระทั่งมีการต่อสู้ในชั้นศาล ผลการพิจารณาคดีถึงที่สุดศาลจะไม่มีเหตุลดโทษให้

หากจะฟังเสียงสะท้อนของชาวไทยพุทธ ในพื้นที่ซึ่งในห้วงที่ผ่านมา ไม่เห็นด้วยกับโครงการพาคนกลับบ้าน จากการที่ พลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เดินสายพบปะชาวไทยพุทธ เพื่อรับฟังปัญหาในด้านต่างๆ ซึ่งตัวแทนกลุ่มไทยพุทธ ได้มีการเสนอแนะข้อคิด “โครงการพาคนกลับบ้าน” ว่าเห็นด้วย แต่ขอให้มีการพิจารณาด้วยการใช้กฎหมายเป็นรายๆ ไป เป็นการช่วยให้ปัญหาไฟใต้ได้บรรเทาลง เพราะกลุ่มแนวร่วมจำนวนหนึ่งต้องการกลับมาใช้ชีวิตเช่นคนปกติทั่วไป แต่ติดขัดที่มีคดีความติดตัว และเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จากเจ้าหน้าที่รัฐและกระบวนการยุติธรรม เมื่อมีการเปิดช่องทางนี้จะช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้หลงผิด ต้องการมอบตัวมากขึ้น

จึงขอบอกกล่าวไปยัง พ่อแม่ พี่น้อง ญาติผู้ที่หลงผิด ผู้ที่กำลังหลบหนี ผู้ที่มีคดีความมั่นคงติดตัว หมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หมาย ป.วิอาญา รัฐได้ช่องทางให้บุคคลเหล่านั้น รายงานตัวแสดงตนเข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน เพื่อการพิสูจน์ตนเอง พิสูจน์ความจริงในชั้นศาล หากให้ความร่วมมือ ให้ข้อเท็จจริงกับรัฐจะได้รับการลดโทษ ไม่ต้องหลบหนีกลับมาอยู่กับครอบครัวดั่งเช่นคนปกติ การใช้ พ.ร.บ. องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ.2523 อัยการสูงสุด มีอำนาจตาม มาตรา 21 ที่จะสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาคดีความมั่นคงได้ ตามที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ตลอดจนการถอนฎีกาคดีความมั่นคงได้ทั้งหมด ซึ่งผ่านการพิจารณาเห็นชอบจาก ผอ.รมน.ภาค 4 แล้วโดยการใช้อำนาจนี้เป็นของอัยการสูงสุดแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น จะมอบหมายให้คนอื่นทำแทนไม่ได้มีระเบียบ วิธีการ ที่ต้องมีการเสนอตามลำดับขั้นตอน ซึ่งหากผู้ต้องหาที่สั่งไม่ฟ้องไปแล้ว กระทำผิดซ้ำอีกก็จะถูกดำเนินคดีในทันที ไม่มีการยกเว้น ซึ่งก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่รัฐได้เปิดช่องทางให้ผู้หลงผิดมอบตัวเพื่อเข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้านของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้าต่อไป.

……………………………………………………………

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น