วันจันทร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2565

ความจำเป็น...ต้องบังคับใช้กฎหมาย เพื่อก้าวสู่สันติสุขของประชาชน

ความจำเป็น...ต้องบังคับใช้กฎหมาย เพื่อก้าวสู่สันติสุขของประชาชน

สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในปัจจุบันนับได้ว่ายังไม่เกิดความสงบโดยแท้จริง เนื่องจากเกิดความรุนแรงอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในห้วงปลายปี 64 ต้นปี 65 แม้จะได้มีความพยายามจากภาครัฐในการแก้ไขปัญหาอย่างมากก็ตาม เพราะกลุ่มขบวนการก่อเหตุรุนแรงบางกลุ่มยังคงเคลื่อนไหวเตรียมการก่อเหตุและได้ก่อเหตุทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนทั้งไทยพุทธและไทยมุสลิม รวมถึงทำลายระบบสาธารณูปโภคทั้งเสาไฟฟ้า ถนนหนทาง ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อพี่น้องประชาชน เพื่อแสดงศักยภาพของกลุ่มและทำลายความเชื่อมั่นต่อเจ้าหน้าที่รัฐ

กระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นวิธีการจัดการความขัดแย้งด้วยแนวทางสันติวิธีที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ อีกทั้งเป็นแนวทางที่ทั่วโลกยอมรับว่าเป็นวิธีที่น่าจะมีการสูญเสียน้อยที่สุดในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ความคิดเห็นของประชาชนต่อกระบวนการสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พบว่าประชาชนทั่วไปส่วนใหญ่สนับสนุนการพูดคุยเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ในพื้นที่ และเห็นว่ากระบวนการพูดคุยมีผลทำให้บรรยากาศสภาพแวดล้อมและความเป็นอยู่ดีขึ้น มีรายงานว่าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้ของรัฐบาลไทย มีนัดพบและหารือแบบเต็มคณะกับฝ่ายผู้เห็นต่างจากรัฐ นำโดยแกนนำกลุ่ม บีอาร์เอ็น ในวันอังคารที่ 11 ม.ค.65 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย การพบปะพูดคุยจะเป็นแบบ "เต็มคณะ" ฝ่ายรัฐบาลไทยนำโดย พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ กับฝ่าย บีอาร์เอ็น นำโดย อุสตาซฮีฟนี หรือ อุสตาซหีพนี มะเร็ะ ซึ่งใช้ชื่อมาเลย์ว่า Mr.Anas Abdulrahman            

เจ้าหน้าที่รัฐมุ่งมั่นในการปฏิบัติงานในการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และความเป็นอยู่อย่างปกติสุขของพี่น้องประชาชนในทุกรูปแบบทุกมิติ และมองเห็นว่ากระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะสามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้วยแนวทางสันติ พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยและสนับสนุนในการจัดการพูดคุยเพื่อหาแนวทางร่วมกันระหว่างภาครัฐกับผู้เห็นต่าง และการ พูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ผ่านมาก็สามารถทำให้สถานการณ์การก่อเหตุใน"พื้นที่ปลอดภัย" หรือ Safety Zone ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อทดลองนำร่องหยุดยิง หยุดใช้ความรุนแรง สามารถสร้างความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนได้จริง

ภายหลังข่าวว่า คณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้ของรัฐบาลไทย มีนัดพบและหารือแบบเต็มคณะกับฝ่ายผู้เห็นต่างจากรัฐ นำโดยแกนนำกลุ่ม บีอาร์เอ็น ในวันอังคารที่ 11 ม.ค.65 ที่ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย การพบปะพูดคุยจะเป็นแบบ "เต็มคณะ" ฝ่ายรัฐบาลไทย ได้มีกลุ่มขบวนการก่อเหตุรุนแรงที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางสันติวิธีเคลื่อนไหวเข้ามาในพื้นที่ได้ก่อเหตุทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนทั้งไทยพุทธและไทยมุสลิม รวมถึงทำลายระบบสาธารณูปโภคทั้งเสาไฟฟ้า ถนนหนทาง และเตรียมการก่อเหตุ    ในห้วงที่มีการพูดคุยสันติสุข เพื่อเป็นอำนาจในการต่อรองกับคณะพูดคุย ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการทำลายบรรยากาศของการเสริมสร้างสันติและทำร้ายผู้บริสุทธิ์ทั้งไทยพุทธและไทยมุสลิม หากตรวจสอบพบกลุ่มบุคคลหรือบุคคลดังกล่าวตามที่พี่น้องประชาชนแจ้งเบาะแส ภาครัฐจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมาย จึงขอให้พี่น้องประชาชนและภาคประชาสังคมได้มีความเข้าใจในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ที่จำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายมิเช่นนั้นเราจะไม่สามารถก้าวสู่สันติสุขได้เลย โดยภาครัฐจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายปฏิบัติตามหลักสากล จากเบาไปหาหนัก และคำนึกถึงหลักสิทธิมนุษยชน พร้อมกับข้อความร่วมมือจากองค์กรภาคประชาสังคมอย่าได้แทรกแซงการดำเนินการและบิดเบือนข้อมูลที่จะทำให้พี่น้องประชาชนทั้งในพื้นที่ นอกพื้นที่และองค์กรอื่นๆ สับสนหรือเกิดการเข้าใจคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง สำหรับพี่น้องประชาชนหากพบความเคลื่อนไหวของกลุ่มขบวนการได้กรุณาแจ้งข่าวสารให้กับภาครัฐทุกส่วนได้รับทราบโดยด่วน “ขอให้เราทุกคนทุกกลุ่มมาร่วมสร้างสันติสุขที่บ้านเรา ผ่านกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่จะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้กันเถอะ”...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น