BRN หมดทางต่อสู้ โดยทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างผิดหลักมนุษยธรรม
จากเหตุเศร้าสะเทือนใจของพี่น้องไทยพุทธกรณี
เมื่อ 22 เม.ย. 2568 เวลา 06.30 น. เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงรถยนต์กระบะของ
รตท.วัฒนา ชูมาปาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา บริเวณถนนสวนโอน
บ้านคลองเรียน ห่างจากวัดกูหลา ประมาณ 500 เมตร ขณะขับรถมาจากรับพระและสามเณร
จำนวน 6 รูป เพื่อบิณฑบาตรในเขตเทศบาลสะบ้าย้อย
ตำรวจได้ใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้
จากนั้นได้ขับรถออกจากพื้นที่เกิดเหตุและนำผู้บาดเจ็บส่ง รพ.สะบ้าย้อย
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้สามเณรพงษ์กร ชูมาปาน อายุ 16 ปี ลูกชาย รตท.วัฒนา
เสียชีวิต และสามเณรโภคนิษฐ์ โมราศิลป์ อายุ 12 ปี ได้รับบาดเจ็บ
ถัดมา
เมื่อ 2 พ.ค. 2568 เกิดเหตุในพื้นที่หมู่ 5 ต.โฆษิต อ.ตากใบ เวลา 19.38 น.
คนร้ายใช้รถจักรยานยนต์ 3 คันเป็นพาหนะ กราดยิงด้วยอาวุธปืนใส่บ้านประชาชน
ขณะที่ชาวบ้านกำลังนั่งดูโทรทัศน์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน
หนึ่งในนั้นเป็นเด็กหญิงวัยเพียง 9 ขวบ และมีผู้บาดเจ็บสาหัส 2 ราย คือ นายเชาว์
อายุ 44 ปี และ นายภาคีไนย อายุ 29 ปี
ซึ่งถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ทันที
และในวันเดียวกัน
ที่ อ.จะแนะ เกิดเหตุลอบยิงหญิงชราวัย 76 ปี ซึ่งตาบอดทั้ง 2 ข้าง
ขณะเดินทางกลับจากโรงพยาบาลพร้อมลูกชายวัย 50 ปี ทำให้หญิงชราเสียชีวิตคาที่
ส่วนลูกชายได้รับบาดเจ็บสาหัสและอยู่ระหว่างการรักษา
เหตุการณ์นี้สร้างความสะเทือนใจให้กับชุมชนอย่างมาก
ซึ่งทั้ง
3 เหตุการณ์ BRN
มีการวางแผนมาเป็นอย่างดีต้องการสื่อให้สังคมเข้าใจผิดเป็นการล้างแค้นระหว่างศาสนานำไปสู่ความแตกแยกของพี่น้องไทยพุทธไทยมุสลิมในพื้นที่
อีกทั้งพฤติกรรมดังกล่าวของ BRN เป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมผิดกฎหมายและละเมิดสิทธิมนุษยชน
จากภาพข่าวในโลกโซเซียล
ได้นำเสนอออกไปสู่สาธารณอย่างกว้างขวางนั้น มีเฟสบุ๊ค มีเว็บเพจ รวมถึง
สส.บางคนในพื้นที่ พยายามชี้นำสังคมให้เห็นถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้นในพื้นที่
มีการกล่าวโทษการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ
ส่งผลกระทบต่อชีวิตประชาชนนำไปสู่ความเดือดร้อน ไม่ได้มีการกล่าวถึง BRN ซึ่งเป็นต้นตอและต้นเหตุแห่งความรุนแรง
ข้อเท็จจริงที่
สส.โจรใต้ มองข้ามและไม่ได้นำเสนอกับประชาชนแท้จริงแล้ว ผกร. หมดหนทางต่อสู้
โดยหันมาทำลายประชาชนผู้บริสุทธิ์ซึ่งเป็นเป้าหมายอ่อนแอแทนการลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐ
อีกทั้งยังทำลายนักบวช
ผู้นำศาสนาไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุหรืออิหม่าม อย่างโหดเหี้ยมผิดหลักมนุษยธรรม
เพื่อต้องการสร้างความแตกแยก
ความเกลียดชังให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชนต่างเชื้อชาติต่างศาสนาซึ่งเป็นความพยายามหลักของ
ผกร. ที่ได้ทำการก่อเหตุเคลื่อนไหวมาโดยตลอดห้วง 20 ปีที่ผ่านมา
ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้มีความอ่อนไหวเป็นอย่างยิ่งในแง่สังคมจิตวิทยา
นอกจากปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นแล้วยังมีสงครามความรู้สึก สงครามทางความคิด
มีการปล่อยกระแสข่าวลือเพื่อบ่อนทำลายความชอบธรรมของเจ้าหน้าที่รัฐ
สื่อทุกแขนงย่อมมีอิทธิพลต่อการรับรู้ของประชาชนในพื้นที่
หรือนอกพื้นที่รวมทั้งการนำเสนอเผยแพร่ข่าวสารไปยังต่างประเทศ
หากสื่อขาดวิจารณญาณในการนำเสนอข่าว
หรือนำเสนอข้อเท็จจริงไม่ครบประเด็นหรือไม่รอบด้านแล้วจะส่งผลกระทบต่อการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ในภาพรวมของรัฐบาล
หากจะกล่าวไปแล้วปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้มีปัญหาที่รากฝังแน่นลึกมานานหลายสิบปี
ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่มีแค่เฉพาะปัญหาความมั่นคงเพียงอย่างเดียว
แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นยังเชื่อมโยงไปยังขบวนการค้ายาเสพติด
การลักลอบสินค้าหนีภาษีให้การหนุนหลังเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับ ผกร.
ใช้ก่อเหตุซึ่งหากจะกล่าวถึงคงจะเยิ่นยาว
ทั้งหมดทั้งสิ้นเมื่อปัญหาภัยแทรกซ้อนผสมผสานกับปัญหาจากการก่อเหตุของ ผกร.
ผลกระทบทั้งมวลประชาชนคือผู้ที่รับเต็มๆ ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้
ฉะนั้นสื่อมวลชนที่พยายามชี้ให้เห็นปัญหาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นมีการกล่าวโทษการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐว่าผิดพลาด
ดูแลประชาชนไม่ทั่วถึงจะต้องกลับไปคิดทบทวนถึงต้นตอว่าใคร? คือผู้ทำให้ประชาชนเดือดร้อนดีกว่า
แต่ที่แน่ๆ ณ วันนี้ BRN หมดทางต่อสู้ โดยทำลายประชาชนผู้บริสุทธิ์ สร้างความเดือดร้อนให้กับสังคมโดยอย่างไร้มนุษยธรรมและขาดความรับผิดชอบต่อการกระทำอันป่าเถื่อน นี่หรือ!!! การเรียกร้องสันติภาพของ BRN
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น