วันอังคารที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

BRN หมดทางต่อสู้ มุ่งทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างผิดหลักมนุษยธรรม

BRN หมดทางต่อสู้ โดยทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างผิดหลักมนุษยธรรม

จากเหตุเศร้าสะเทือนใจของพี่น้องไทยพุทธกรณี เมื่อ 22 เม.ย. 2568 เวลา 06.30 น. เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงรถยนต์กระบะของ รตท.วัฒนา ชูมาปาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา บริเวณถนนสวนโอน บ้านคลองเรียน ห่างจากวัดกูหลา ประมาณ 500 เมตร ขณะขับรถมาจากรับพระและสามเณร จำนวน 6 รูป เพื่อบิณฑบาตรในเขตเทศบาลสะบ้าย้อย

ตำรวจได้ใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้ จากนั้นได้ขับรถออกจากพื้นที่เกิดเหตุและนำผู้บาดเจ็บส่ง รพ.สะบ้าย้อย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้สามเณรพงษ์กร ชูมาปาน อายุ 16 ปี ลูกชาย รตท.วัฒนา เสียชีวิต และสามเณรโภคนิษฐ์ โมราศิลป์ อายุ 12 ปี ได้รับบาดเจ็บ

ถัดมา เมื่อ 2 พ.ค. 2568 เกิดเหตุในพื้นที่หมู่ 5 ต.โฆษิต อ.ตากใบ เวลา 19.38 น. คนร้ายใช้รถจักรยานยนต์ 3 คันเป็นพาหนะ กราดยิงด้วยอาวุธปืนใส่บ้านประชาชน ขณะที่ชาวบ้านกำลังนั่งดูโทรทัศน์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน หนึ่งในนั้นเป็นเด็กหญิงวัยเพียง 9 ขวบ และมีผู้บาดเจ็บสาหัส 2 ราย คือ นายเชาว์ อายุ 44 ปี และ นายภาคีไนย อายุ 29 ปี ซึ่งถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ทันที

และในวันเดียวกัน ที่ อ.จะแนะ เกิดเหตุลอบยิงหญิงชราวัย 76 ปี ซึ่งตาบอดทั้ง 2 ข้าง ขณะเดินทางกลับจากโรงพยาบาลพร้อมลูกชายวัย 50 ปี ทำให้หญิงชราเสียชีวิตคาที่ ส่วนลูกชายได้รับบาดเจ็บสาหัสและอยู่ระหว่างการรักษา เหตุการณ์นี้สร้างความสะเทือนใจให้กับชุมชนอย่างมาก

ซึ่งทั้ง 3 เหตุการณ์ BRN มีการวางแผนมาเป็นอย่างดีต้องการสื่อให้สังคมเข้าใจผิดเป็นการล้างแค้นระหว่างศาสนานำไปสู่ความแตกแยกของพี่น้องไทยพุทธไทยมุสลิมในพื้นที่ อีกทั้งพฤติกรรมดังกล่าวของ BRN เป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมผิดกฎหมายและละเมิดสิทธิมนุษยชน

จากภาพข่าวในโลกโซเซียล ได้นำเสนอออกไปสู่สาธารณอย่างกว้างขวางนั้น มีเฟสบุ๊ค มีเว็บเพจ รวมถึง สส.บางคนในพื้นที่ พยายามชี้นำสังคมให้เห็นถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้นในพื้นที่ มีการกล่าวโทษการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ส่งผลกระทบต่อชีวิตประชาชนนำไปสู่ความเดือดร้อน ไม่ได้มีการกล่าวถึง BRN ซึ่งเป็นต้นตอและต้นเหตุแห่งความรุนแรง

ข้อเท็จจริงที่ สส.โจรใต้ มองข้ามและไม่ได้นำเสนอกับประชาชนแท้จริงแล้ว ผกร. หมดหนทางต่อสู้ โดยหันมาทำลายประชาชนผู้บริสุทธิ์ซึ่งเป็นเป้าหมายอ่อนแอแทนการลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐ

อีกทั้งยังทำลายนักบวช ผู้นำศาสนาไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุหรืออิหม่าม อย่างโหดเหี้ยมผิดหลักมนุษยธรรม เพื่อต้องการสร้างความแตกแยก ความเกลียดชังให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชนต่างเชื้อชาติต่างศาสนาซึ่งเป็นความพยายามหลักของ ผกร. ที่ได้ทำการก่อเหตุเคลื่อนไหวมาโดยตลอดห้วง 20 ปีที่ผ่านมา

ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้มีความอ่อนไหวเป็นอย่างยิ่งในแง่สังคมจิตวิทยา นอกจากปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นแล้วยังมีสงครามความรู้สึก สงครามทางความคิด มีการปล่อยกระแสข่าวลือเพื่อบ่อนทำลายความชอบธรรมของเจ้าหน้าที่รัฐ สื่อทุกแขนงย่อมมีอิทธิพลต่อการรับรู้ของประชาชนในพื้นที่ หรือนอกพื้นที่รวมทั้งการนำเสนอเผยแพร่ข่าวสารไปยังต่างประเทศ หากสื่อขาดวิจารณญาณในการนำเสนอข่าว หรือนำเสนอข้อเท็จจริงไม่ครบประเด็นหรือไม่รอบด้านแล้วจะส่งผลกระทบต่อการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ในภาพรวมของรัฐบาล

หากจะกล่าวไปแล้วปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้มีปัญหาที่รากฝังแน่นลึกมานานหลายสิบปี ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่มีแค่เฉพาะปัญหาความมั่นคงเพียงอย่างเดียว แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นยังเชื่อมโยงไปยังขบวนการค้ายาเสพติด การลักลอบสินค้าหนีภาษีให้การหนุนหลังเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับ ผกร. ใช้ก่อเหตุซึ่งหากจะกล่าวถึงคงจะเยิ่นยาว ทั้งหมดทั้งสิ้นเมื่อปัญหาภัยแทรกซ้อนผสมผสานกับปัญหาจากการก่อเหตุของ ผกร. ผลกระทบทั้งมวลประชาชนคือผู้ที่รับเต็มๆ ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้

ฉะนั้นสื่อมวลชนที่พยายามชี้ให้เห็นปัญหาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นมีการกล่าวโทษการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐว่าผิดพลาด ดูแลประชาชนไม่ทั่วถึงจะต้องกลับไปคิดทบทวนถึงต้นตอว่าใคร? คือผู้ทำให้ประชาชนเดือดร้อนดีกว่า

แต่ที่แน่ๆ ณ วันนี้ BRN หมดทางต่อสู้ โดยทำลายประชาชนผู้บริสุทธิ์ สร้างความเดือดร้อนให้กับสังคมโดยอย่างไร้มนุษยธรรมและขาดความรับผิดชอบต่อการกระทำอันป่าเถื่อน นี่หรือ!!! การเรียกร้องสันติภาพของ BRN

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น