ฮาลา-บาลา
“มรดกอาเซียนข้ามแดน”
ผืนป่าฮาลา-บาลา
หรือ “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา” ได้รับการขนานนามว่า “แอมะซอนแห่งอาเซียน”
เพราะเป็นผืนป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ยิ่ง มีลักษณะเป็นป่าดิบชื้นหรือป่าฝนเขตร้อน
(Tropical
Rain Forest) มีแนวเขตต่อเนื่องกับป่าเบอลม หรือป่าเบลุ่ม (Royal
Belum State Park) รัฐเปรัค ตอนเหนือของประเทศมาเลเซีย
เมื่อรวมพื้นที่ป่าเข้าด้วยกัน
จัดได้ว่าเป็น “ป่าฝนเขตร้อนที่ใหญ่ที่สุดบนคาบสมุทรมลายู” และเป็น 1 ใน 3
ของป่าฝนเขตร้อนที่มีอยู่บนโลก ได้แก่ ป่าฝนเขตร้อนแถบทวีปอเมริกา
ป่าฝนเขตร้อนแถบทวีปแอฟริกา และป่าฝนเขตร้อนแถบทวีปเอเชีย
ด้วยความยิ่งใหญ่ของผืนป่าฮาลา-บาลา
และกลุ่มผืนป่าต่อเนื่องแง่หนึ่งได้สร้างสรรค์สิ่งดี ๆ
มากมายให้คนในพื้นที่ได้ใช้ประโยชน์ แต่ขณะเดียวกัน
ในอีกด้านหนึ่งผืนป่าแห่งนี้กลับถูกบุกรุกทำลายลงไปเรื่อย ๆ ทั้งการตัดไม้ทำลายป่า
การล่าสัตว์ การแย่งชิงทรัพยากร คนบางกลุ่มบางพวกมุ่งแผ้วถางป่าเพื่อครอบครองที่ดิน
ฯลฯ ดังปรากฏเป็นข่าวทั้งในสื่อกระแสหลักและผ่านสังคมออนไลน์ (Social Media) อยู่เป็นระยะ
นอกจากนี้
การที่ผืนป่าฮาลา-บาลา (Hala-Bala
Wildlife) เป็นป่าผืนเดียวกันกับป่าเบลุ่มหรือป่าเบอลม ฝั่งรัฐเปรัค
มาเลเซีย ซึ่งทางรัฐบาลมาเลเซียได้ดำเนินการเสนอให้ “อุทยานแห่งรัฐรอยัลเบอลม” (Royal
Belum State Park) เป็นมรดกโลก โดยได้ขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative)
เมื่อปี 2560 (ค.ศ.2019)
หากฝั่งประเทศไทยยังเพิกเฉยไม่เคลื่อนไหวประการใด อาจส่งผลกระทบตามมาอีกมากมาย
แทนที่จะเร่งแสวงหาแนวทางร่วมอนุรักษ์ผืนป่ารอยต่อสำคัญไปด้วยกัน เพื่อให้เป็น
“มรดกอาเซียนข้ามแดน” และเป็น “มรดกโลก” ร่วมกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น