นับตั้งแต่เหตุการณ์ที่เป็นเสมือนระฆังส่งสัญญาณเริ่มการปะทุของไฟใต้ระลอกใหม่
ส่งเสียงขึ้นด้วยเหตุการณ์ปล้นปืนของกองพันพัฒนาที่ 4
ซึ่งผู้ก่อเหตุรุนแรงนับร้อยคนบุกเข้าไปในค่ายทหาร แล้วลงมือสังหารเจ้าหน้าที่เสียชีวิตไป
4 นาย พร้อมนำอาวุธปืนจำนวนมากไปด้วยนั้น
ฝันร้ายของพี่น้องประชาชนในพื้นที่แห่งนี้ก็เริ่มขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน
เวลาผ่านไปเกือบ
ๆ จะ 20 ปี กับหลายร้อยพันเหตุร้ายที่เกิดขึ้น
พร้อมกับชีวิตทั้งของเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ปลิดปลิวไป
เป็นไปตามสัจธรรมที่ว่าภายใต้ภาวะการรบพุ่งที่ต่างฝ่ายต่างใช้อาวุธเข้าห้ำหั่นกันย่อมมีการสูญเสีย
เปรียบเสมือนการสาดน้ำเข้าหากันย่อมต้องเปียกปอนกันไปทั้งสองฝ่าย
แต่ชีวิตของประชาชนผู้ไม่เกี่ยวข้องย่อมไม่สมควรที่จะต้องได้รับผลกระทบไปด้วย
ซึ่งประเด็นนี้คงเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยมโนธรรมของคู่ขัดแย้งเป็นสำคัญ
ขึ้นอยู่กับว่าจะมีหรือไม่
การวิพากษ์ถึงทางออกรวมถึงรากเหง้าของปัญหาถูกถ่ายทอดออกมาเป็นบทวิเคราะห์จากนักวิชาการผู้ทรงภูมิ
การระดมสมองหาทางออกด้วยการกำหนด Road Map มากมายนับครั้งไม่ถ้วน
รวมทั้งผลงานการวิจัยจากสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงอีกจำนวนมากเพื่อหาบทสรุปในการแก้ปัญหาที่ลงตัว
แต่สุดท้ายก็ยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
ด้วยเหตุผลสำคัญที่มองเห็นได้ง่ายที่สุดคือ
บรรดาผู้รู้เหล่านั้นไม่ได้ลงมาสัมผัสกับวิถีชีวิตภายใต้ภาวะความขัดแย้งอย่างแท้จริง
มีการใช้ความรู้สึกหรือทัศนคติของตนเองเข้าสู่กระบวนการคิดวิเคราะห์ ผลที่ออกมาจึงมีความคลาดเคลื่อนตั้งแต่เล็กน้อยไปถึงมากและมากขึ้นจากหน้ามือเป็นหลังมือในท้ายที่สุด
ซึ่งสำหรับผลงานทางวิชาการที่มีกระบวนการหาคำตอบอย่างมีหลักการแล้วนับว่าน่าเสียดายแรงกายแรงใจที่ตั้งใจจะใช้ความรู้ความสามารถมาเพื่อช่วยแก้ปัญหา
แต่กลับกลายเป็นมาสร้างปัญหาไปซะได้
ผม
ได้มีโอกาสได้อ่านงานวิจัยของท่านผู้รู้ท่านจากมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่ง
ซึ่งได้ถูกตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัย และนำเสนอในเว็บไซต์ต่างๆ
เป็นเรื่องราวที่ท่านผู้วิจัยได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลเพื่อศึกษาวิถีชีวิตของผู้คน โดยมีพื้นฐานข้อมูลเดิมคือ
ความแยกขาดจากวิถีชุมชนและการใช้ชีวิตที่ผูกติดกับศาสนาและวัฒนธรรมของคนที่นี่
ภาพของการก่อการร้ายและความรุนแรงในพื้นที่พร้อมๆ กับเจ้าหน้าที่ทหาร
ตำรวจที่ลงมาปฏิบัติงานจำนวนมากมาย ซึ่งเป็นเพียงข้อมูลอันน้อยนิดที่ท่านผู้วิจัยมี
ประกอบกับท่านเป็นหญิงมุสลิม ซึ่งไม่ใช่คนในพื้นที่สามจังหวัดที่ได้รับรู้เพียงเถ้าธุลีของควันระเบิดจากสื่อต่างๆ
เท่านั้น
ผลงานวิจัยจึงออกมาในเชิงสะท้อนเพียงภาพความขัดแย้งและติดกับอยู่เพียงภาพลบที่ได้จากการเก็บข้อมูลเพียงไม่กี่วัน
นี่จึงเป็นการ “ติดกับดักทางความคิดแบบคู่ตรงข้าม” อย่างแท้จริง
คุยกับทหาร 2
นายตีค่าทหาร 20,000 นาย
ตามแนวทางของงานวิจัยแล้ว
การได้พูดคุยกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเก็บข้อมูลที่มีคุณค่า เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการเชิงตรรกมีหลักเกณฑ์และวิธีการอย่างแน่ชัด
แต่การเก็บข้อมูลจากกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับล่างจากหน่วยสันติพัฒนาเพียง
2 นาย ซึ่งกล่าวถึงการอบรมก่อนลงมาประจำการในภาคใต้ว่า มีระยะเวลาเพียงสองวัน แล้วนำมาสรุปว่าเป็นสาเหตุสำคัญของความไม่เข้าใจในวิถีชุมชน
ศาสนาและวัฒนธรรม
คงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องทั้งหมด
จริงอยู่ว่าคงเป็นไปไม่ได้ ที่จะให้คนนอกพื้นที่ ได้เข้าใจทุกเรื่องราวด้วยเวลาอันสั้น
แต่การเรียนรู้จากการเข้าปฏิบัติงานในพื้นที่ ซึ่งเป็นประสบการณ์ตรงที่เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันต่างหากที่มีคุณค่า
และได้ผลมากกว่าการเรียนรู้จากการอบรม และแน่นอนที่สุดคือ
ทหารสองท่านนั้นน่าจะอยู่ในพื้นที่นานกว่าท่านผู้วิจัยอย่างแน่นอน
การด่วนสรุปว่า ไม่มีความเข้าใจนี้
จึงอาจหมายรวมถึงตัวผู้วิจัยเองด้วย
และการได้มาซึ่งข้อมูลที่ถูกต้องนั้นสมควรที่จะต้องใช้จำนวนของกลุ่มตัวอย่างอย่างเพียงพอแล้ว
จึงมาประมวลผลรวมในเชิงสถิติ
นั่นจะเป็นการรวบรวมที่ได้ผลใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด
การชิงฟันธงว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีความเข้าใจถึงวิถีชุมชนจึงเป็นการตีความที่ไร้หลักการโดยสิ้นเชิง
บทสรุปความขัดแย้งในมโนสำนึก
การนำเสนอภาพความขัดแย้งในลักษณะ
“พวกเขา” และ “พวกเรา” ในที่นี้หมายถึง 2 กรณี คือ ชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่
และ คนไทยพุทธกับคนมุสลิม บ่งชี้ให้เห็นถึงภาพในจิตใจของผู้วิจัย ที่มองเห็นเพียงภาพความแปลกแยกแตกต่างในมโนสำนึกตั้งแต่เริ่มแรก
ทำให้บทสรุปของความรักความสามัคคีระหว่างคนที่มีความเชื่อถือศรัทธาแตกต่าง แต่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้มาช้านานต้องเปลี่ยนแปลงไป
ซึ่งบทสรุปที่บิดเบี้ยวนี้
เมื่อถูกสื่อผ่านสื่อมวลชนย่อมส่งผลให้ผู้ที่ไม่ได้รับทราบข้อเท็จจริงจินตนาการเห็นภาพความขัดแย้งที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงหรือมีเพียงส่วนน้อยให้เป็นไปตามเจตนาที่ผู้วิจัยได้ตั้งธงไว้ก่อนแล้วล่วงหน้า
ส่วนผสมระหว่าง “อคติ” กับ “ความเป็นจริง”
จึงไม่สามารถเขย่ารวมกันได้อย่างกลมกลืน เนื่องจากอคติที่มาบดบังหลักวิชา
ถึงวันนี้ ภาพการอยู่ร่วมกันด้วยความเข้าอกเข้าใจของคน
2 ศาสนาบนพื้นฐานของความพยายามเข้าใจซึ่งกันและกัน ยังมีให้เห็นอยู่มากมาย
การร่วมกิจกรรมของเพื่อนบ้านต่างศาสนา ยังมีให้เห็นเป็นเรื่องปกติ
น่าเสียดายที่ท่านผู้วิจัยมิได้หยิบยกมานำเสนอในลักษณะรักษาสมดุลอย่างมีจิตเป็นกลาง
การสนับสนุนการศึกษาทางศาสนาที่ถูกมองข้าม
ข้อสังเกต ความคลาดเคลื่อนที่มิใช่ความจริงทั้งหมดอีกประการที่ถูกหยิบยกมานำเสนอเพียงด้านเดียวคือ
การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากในพื้นที่
การกล่าวอ้างคำบอกเล่าของชาวบ้าน ซึ่งเป็นพ่อแม่ผู้ปกครองหรือผู้บริหารโรงเรียนเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นที่พัก
และโรงเรียนด้วยเหตุสงสัยว่ามีความเกี่ยวข้องกับการก่อความไม่สงบทำให้ฝ่ายชาวบ้านไม่พอใจ
จริงอยู่ว่าจากการปฏิบัติ หลายครั้งในช่วงที่ผ่านมาไม่พบสิ่งต้องห้ามในสถานศึกษาที่เข้าตรวจค้น
ซึ่งทราบว่า ทุกครั้ง ได้มีการชี้แจงถึงเหตุผลและความจำเป็นให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบเพื่อความเข้าใจร่วมกัน
และเป็นธรรมดาอยู่เองที่ผลกระทบทางจิตใจของผู้บริหารสถานศึกษาย่อมมีอยู่ในใจ
แต่หากมองด้วยใจเป็นธรรม
คงไม่มีใครต้องการที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพื่อสร้างผลกระทบต่อการเรียนของลูกหลาน หากไม่มีสิ่งชี้นำที่พาดพิงไปถึง
และหลายครั้งเช่นเดียวกันที่การตรวจค้นพบทั้งตัวผู้ต้องหาที่มีหมาย ป.วิอาญา
ระเบิด อุปกรณ์ประกอบระเบิด หรือแม้กระทั่งอาวุธปืนสงครามมากมาย
จนถึงขนาดมีคำสั่งปิดโรงเรียนไปหลายแห่งนี่เป็นความจริงอีกเรื่องที่อยากจะสื่อให้สังคมทราบ
ความจริงอีกประการที่อยากจะเสริมเพิ่มเติมให้กับงานวิจัยดังกล่าวคือ
การสนับสนุนการศึกษาของเยาวชนมุสลิมในสามจังหวัดแห่งนี้ ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนเป็นจำนวนกว่าหนึ่งหมื่นบาทต่อคนต่อปี
ซึ่งการสนับสนุนเช่นนี้ไม่มีในโรงเรียนของรัฐทั้งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้และทั่วประเทศ
นี่ย่อมแสดงให้เห็นถึงความจริงใจในการสนับสนุนการศึกษาของบุตรหลานโดยรัฐบาล
และนี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การศึกษาทางศาสนาใน 3 จังหวัดภาคใต้ ได้รับการพัฒนาจนเป็นที่ยอมรับว่ามีมาตรฐานในโรงเรียนขนาดใหญ่
แต่อีกมุมมองหนึ่งก็ทำให้เกิดโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามขึ้นอีกมากมายราวดอกเห็ด
สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากเงินสนับสนุนของรัฐบาลนี่เอง
เรื่องราวที่ต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ทั้งผลดีและผลเสียจากการสนับสนุนข้างต้นจะยังไม่ขอกล่าวถึงในที่นี้
เป็นแต่เพียงสงสัยว่าเหตุใดเรื่องราวการสนับสนุนดีๆ
เช่นนี้ไม่ถูกนำเสนอในผลงานวิจัย
ผม
เคยถามบาบอหลายท่าน
ถึงสภาพความทรุดโทรมของห้องเรียนและอุปกรณ์การเรียนการสอนของโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม
ส่วนใหญ่ในพื้นที่ว่า เหตุใดจึงไม่ได้รับการปรับปรุงทั้งที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจำนวนมาก
คำตอบคือ
เป็นความต้องการให้เยาวชนได้เรียนรู้สภาพความเป็นอยู่ตามวิถีที่เรียบง่ายของมุสลิม
ซึ่งก็เป็นคำตอบที่ฟังดูมีเหตุผล แต่จะมีเหตุผลอื่นอีกหรือไม่ฝากท่านผู้วิจัยลองลงมาทำวิจัยเรื่องนี้ดูซักครั้ง
ความยุติธรรมกับการก่อการร้าย
หลายปีที่ผ่านมา การติดตามจับกุมผู้กระทำผิดที่ก่อเหตุในพื้นที่มีเป็นจำนวนมาก
ภายหลังการจับกุมสิ่งหนึ่งที่เขาเหล่านั้นเรียกร้องเป็นเสียงเดียวกันคือ “ความยุติธรรม”
พร้อมกับการช่วยเหลืออย่างออกนอกหน้าขององค์กรภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายและสิทธิมนุษยชน
ซึ่งมักเรียกร้องเฉพาะกรณีผู้กระทำผิดจากการก่อความไม่สงบเท่านั้น
ที่ต้องบอกว่าเท่านั้น เพราะไม่มีการเรียกร้องสิทธิให้กับประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
จากการกระทำของเขาเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อยนอกจากการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่รัฐ
การกล่าวอ้างเรียกร้องความเป็นธรรมจากการสังหารประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้อง จึงไม่ใช่การเรียกร้องความยุติธรรม
กระบวนการยุติธรรมที่โปร่งใสเป็นธรรมต่างหาก ที่พวกเขาต้องเข้าไปสู่กระบวนการตามครรลองของกฎหมาย
การเรียกร้องหาเอกราชตามท้องถนนและป้ายจราจรวันนี้
ยังมีปรากฎให้เห็นโดยทั่วไปพร้อมๆ กับการก่อเหตุร้าย เพื่อกดดันรัฐบาลควบคู่กับการพูดคุยตามแนวทางสันติที่กำลังดำเนินไป
แต่สำหรับผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากการก่อเหตุของผู้ก่อเหตุรุนแรงแล้ว
เขาจะไปเรียกร้องความยุติธรรมได้กับใคร
จากการสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมทราบว่า งานวิจัยดังกล่าวทำไว้ตั้งแต่ปี
50
และมีการนำเสนอผลงานการวิจัยนี้ผ่านสื่อในสมัยนั้นไปแล้ว แต่การนำข้อมูลเดิม ซึ่งล้าสมัยมาเผยแพร่ใหม่โดยไม่ได้ให้ข้อมูลเรื่องเวลาที่ล่วงเลยและบริบทที่เปลี่ยนแปลงไปของสภาพสังคมจิตวิทยาในพื้นที่
จึงอาจสร้างความสับสนต่อผู้อ่านซึ่งไม่ใช่เรื่องที่สมควร เว้นแต่ผู้รวบรวมจะมีเจตนาแฝงอื่นๆ
ตลอด
19 ปีที่ผ่านมา ผม ได้เฝ้าติดตามความเป็นไปในวิถีชีวิตของคนในพื้นที่
3 จังหวัดภาคใต้ ได้เห็นการโหมกระพือสถานการณ์ใต้ จนเกินจริงเพื่อนำไปสู่สิ่งที่ต้องการมากมาย
ชีวิตและความตายกลายเป็นสิ่งหอมหวลสำหรับบุคคลและกลุ่มบุคคลหลายกลุ่มหลายฝ่ายที่เข้ามาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์บนความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชนอย่างไม่รู้จักจบสิ้น
เสมือนพายุร้าย ที่โหมกระหน่ำเข้าใส่เปลวเทียนที่ริบหรี่ใกล้มอดดับ
เราจะช่วยกันปกป้องให้ผ่านพ้นไป ในวันที่สามารถทำได้ตามบทบาทของแต่ละคน
หรือจะเฝ้าดูมันดับลงพร้อมๆ กับชีวิตของคนชายขอบแห่งนี้ พระเจ้าเท่านั้น ทรงรอบรู้...อามีน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น