วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2565

นายกฯลุยน้ำท่วมพัทลุง-สงขลา สั่งเร่งเยียวยา 100%

“บิ๊กตู่” นำคณะล่องใต้เยี่ยมผู้ประสบภัยน้ำท่วมสงขลา – พัทลุง รับฟังสถานการณ์อุทกภัยพร้อมหาทางแก้ปัญหาและเยียวยาอย่างเร่งด่วน ทั้งยังโชว์แหลงใต้ “รักจังฮู้ เป็นห่วงอย่างแรง คิดถึงจังฮู้” แสดงความห่วงใยประชาชน ด้าน อ.สุไหงโก-ลก ยังวิกฤต น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วม 31 ชุมชนในพื้นที่ลุ่มน้ำสูงกว่า 2 เมตร ส่วนที่เบตง ตำรวจ - ตชด. ออกตรวจระดับน้ำแม่น้ำ – ดินสไลด์

เมื่อ 20 ธ.ค.65 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ดร.ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และคณะเดินทางถึงท่าอากาศยานหาดใหญ่ อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา เพื่อลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยพร้อมเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ จ.สงขลาและ จ.พัทลุง โดยมี นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาบรรยายสรุปสถานการณ์อุทกภัย พร้อมด้วย แม่ทัพภาคที่ 4 คณะรองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอหาดใหญ่ ส.ส.ในพื้นที่ และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับ

จุดแรกนายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินทางไปยังวัดเขาตกน้ำ หมู่ 1 ต.กำแพงเพชร อ.รัตภูมิ จ.สงขลา เพื่อเยี่ยมเยียนผู้ประสบภัยและประชาชนในพื้นที่ที่มารอต้อนรับ พร้อมกล่าวให้กำลังใจประชาชน ผู้ประสบภัยและเจ้าหน้าที่ส่วนต่างๆ ที่มาร่วมกันช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมทั้งเดินทางไปตรวจระดับน้ำคลองภูมีในพื้นที่ อ.รัตภูมิ โดยมีนายอำเภอรัตภูมิ คอยรายงานสถานการณ์

จากนั้นเดินทางต่อไปยังศาลาประชาคม ศูนย์อพยพเทศบาลตำบลควนเนียง อ.ควนเนียง จ.สงขลา เพื่อพบปะพี่น้องประชาชนและเยี่ยมเยียนให้กำลังผู้ประสบภัยที่ศูนย์อพยพ โดยนายกฯ ร่วมลงมือทำอาหารเมนูผัดกระเพราไก่ เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัยที่อยู่ในศูนย์อพยพและประชาชนที่มารอพบ

โชว์แหลงภาษาใต้ “รักจังฮู้ เป็นห่วงอย่างแรง คิดถึงจังฮู้”

ในการพบปะพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยในพื้นที่ จ.สงขลา พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวแสดงความห่วงใยผู้ประสบภัยและประชาชนในพื้นที่ ด้วยภาษาใต้หลายประโยคอย่างเช่น “หรอยจังฮู้” “คิดถึงจังฮู้” “รักจังฮู้” “เป็นห่วงอย่างแรง” “เป็นห่วงจังฮู้” พร้อมบอกอีกว่า จะกลับไปหัดพูดภาษาใต้มาใหม่อีก

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งกับประชาชนในพื้นที่ว่า วันนี้มาด้วยความห่วงใย ที่มาช้าเพราะมีประชุม ครม. จริงๆ นายกฯมีงานทุกวัน แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะไม่มา ยังไงก็ต้องมาให้ได้ เพื่อรับฟังการแก้ปัญหาอุทกภัยในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลผมทำคือการแก้ปัญหาเร่งด่วน แก้ปัญหาความความเดือดร้อนของพวกเราทุกคน แต่ขณะเดียวกันก็คิดไปด้วยว่า จะทำอย่างไรไม่ให้มันเกิดซ้ำขึ้นอีก โดยที่สามารถรองรับปริมาณน้ำได้มากว่าเดิม การระบายน้ำได้ดีกว่าเดิม โดยได้รับฟังจากหลายท่านด้วยกันที่เสนอกันมา ซึ่งรัฐบาลก็จำเป็นต้องจัดสรรจัดทำแผนงานโครงการเพิ่มเติมขึ้นมาก ซึ่งคงต้องทยอยดำเนินการ

“สิ่งสำคัญที่สุดในวันนี้รัฐบาลมุ่งเน้นที่จะดูแลเยียวยาทุกคนให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุด เพราะฉะนั้นการสำรวจความเสียหายต่างๆ ต้องเร่งดำเนินการ เพื่อรัฐบาลจะได้เตรียมเม็ดเงินงบประมาณ ซึ่งมันต้องผ่านขั้นตอนอะไรอีกเยอะแยะพอสมควร ถ้าท่านสำรวจพร้อมมีหลักฐานต่างๆ ชัดเจนเราก็พร้อมที่จะดูแลให้ อย่างเช่นในช่วงที่ผ่านมาเราก็ดูแลทางภาคอีสาน ภาคเหนือมาแล้ว วันนี้ถึงคราวภาคใต้แล้ว”

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า ผมยินดีที่จะส่งเสริมสนับสนุนพวกเราทุกคน อะไรที่ทำได้รัฐบาลก็รับมาเพื่อจะจัดสรรโครงการต่างๆลงมาให้ ในปี 66 งบประมาณลงมา จ.สงขลา 3 หมื่นกว่าล้านบาท ไม่ใช่แค่เรื่องบริหารจัดการน้ำ มีทั้งเรื่องการศึกษา โครงการต่างๆเยอะแยะไปหมด นายกฯ เป็นนายกฯ ของประเทศไทย ทุกจังหวัดต้องได้รับการดูแล ถ้าท่านต้องการ ผมก็พร้อมจะคิดและทำให้เกิดขึ้น ซึ่งก็ต้องร่วมมือกันผลักดันเรื่องเหล่านี้ไปให้ได้ ถ้าไม่ได้ก็จะเจอกับปัญหาเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีกแบบนี้ไปเรื่อยๆ

“โลกเปลี่ยนเราก็ต้องปรับทุกอย่าง การใช้ชีวิตการใช้เงินอะไรต่างๆ งบประมาณ การทำมาหากินมันต้องปรับเปลี่ยนไม่งั้นเราจะอยู่ที่เดิมเราอยู่ไม่ได้ นายกฯ พยายามจะเดินหน้าตรงนี้ไป ทั้งเรื่องการแก้ปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ำอะไรต่างๆ เหล่านี้ แต่เราต้องช่วยกันเดินไป เพราะรัฐบาลไม่สามารถที่จะให้ทุกคนได้หมด แต่รัฐบาลมีหน้าที่ในการสร้างโอกาสให้กับพวกเราทุกคน สร้างโอกาสให้เข้าถึงโน่นถึงนี่และมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ผมจะทำให้เต็มที่ตราบใดที่ยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่”

หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียชีวิตเนื่องจากอุทกภัยและพบปะผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่วัดควนตก ต.ดอนประดู่ อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง หลังเสร็จภารกิจจะเดินทางกลับกรุงเทพต่อไป

โก-ลกยังวิกฤต 31 ชุมชนน้ำท่วมขังสูงต่อเนื่อง

วันที่ 20 ธ.ค.65 สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.นราธิวาส ล่าสุดยังคงมีฝนตกกระจายปกคลุมทั้ง 13 อำเภอ แต่ฝนตกไม่หนักเหมือนช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ซึ่งถือว่ามีสภาวะน้ำท่วมขังขั้นวิกฤตที่สุดของ จ.นราธิวาส ในรอบเกือบ 10 ปี เนื่องจากปริมาณน้ำในแม่น้ำโก-ลก ได้รับมวลน้ำป่าจากเทือกเขาสันกาลาคีรี ซึ่งมีต้นกำเนิดในพื้นที่ อ.สุคิริน ได้ไหลทะลักลงมาบรรจบในแม่น้ำโก-ลกที่ล้นตลิ่งอยู่แล้ว จึงได้ไหลเข้าท่วมเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ทำให้บ้านเรือนของประชาชนที่ปลูกสร้างอยู่ตลอดแนวริมตลิ่งของแม่น้ำโก-ลก และบริเวณลำคลองที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำโก-ลก จำนวน 31 ชุมชน มีปริมาณน้ำท่วมขังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยจุดที่มีน้ำท่วมขังอยู่ในขั้นวิกฤต จำนวน 7 ชุมชน คือ ชุมชนหัวสะพาน ชุมชนหลังด่าน ชุมชนท่ากอไผ่ ชุมชนท่าโรงเลื่อย ชุมชนท่าประปา ชุมชนท่าเจ๊ะกาเซ็ง และชุมชนบือเร็ง มีปริมาณน้ำท่วมขังสูงโดยเฉลี่ย 70 ถึง 200 ซ.ม. โดยรวมมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 2,000 ครัวเรือน และได้อพยพไปอาศัยอยู่ที่ศูนย์อพยพชั่วคราวโรงเรียนเทศบาล 3 และโรงเรียนเทศบาล 4 แล้ว ซึ่งนางสุชาดา พันธ์นรา นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ได้จัดเตรียมไว้ จำนวน 83 ครัวเรือน รวม 305 คน

ตลาดมูโนะระดับน้ำสูงกว่า 2 เมตร อพยพแล้ว 17 ครอบครัว

ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมขังตลาดมูโนะ ม.1 ต.มูโนะ ซึ่งเป็นผลพวงจากพนังกั้นน้ำแตกและแม่น้ำโก-ลกล้นตลิ่งนั้น ล่าสุดระดับน้ำท่วมขังสูงขึ้นจากเมื่อวาน โดยอยู่ในระดับน้ำสูงถึง 2 เมตร บางจุดซึ่งอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำมีน้ำท่วมขังสูงกว่า 2.50 เมตร ประชาชนส่วนใหญ่ยังสามารถอาศัยอยู่บนบริเวณชั้น 2 ส่วนถนนบริเวณด้านหน้าทางเข้าตลาดมูโนะ มีน้ำท่วมขังถนน 2 ฝั่งทั้งขาเข้าและขาออก ที่มุ่งหน้าไปยังพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลกและ อ.ตากใบ ถูกน้ำท่วมขังจนยานพาหนะทุกชนิดไม่สามารถสัญจรไปมาได้

โดยประชาชนบางส่วนได้อพยพไปอาศัยอยู่ชั่วคราวที่ศูนย์อพยพศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โรงเรียนบ้านลูโบ๊ะลือซง จำนวน 17 ครัวเรือน รวม 78 คน โดยรวมพื้นที่ ต.มูโนะ มีสภาวะน้ำท่วมขัง 5 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 1,053 ครัวเรือน 4,218 คน

นาวิกโยธินนำเรือเข้าช่วยอพยพผู้ประสบภัย

ด้านการช่วยเหลือประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ตลาดมูโนะ โดยเฉพาะครอบครัวที่มีบ้านพักอาศัยอยู่บริเวณจุดพนังกั้นน้ำแตก 1 ครัวเรือน จำนวน 10 คน มีทั้งผู้ใหญ่เด็กและคนชรา ที่มีแนวโน้มว่า จะไม่สามารถอาศัยอยู่ที่บ้านพักได้แล้ว จากสภาวะน้ำในแม่น้ำโก-ลก ล้นตลิ่งได้ไหลบ่าเข้าท่วมอย่างรุนแรง จนอาจสร้างอันตรายแก่ชีวิตได้ทุกเมื่อ ทาง น.อ.พงษ์ศักดิ์ ทองไสย ผบ.ฉก.นย.ทร. ได้สั่งการให้ ร.อ.ชาลี มนัสชัย ผู้บังคับกองร้อยลาดตระเวน หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ พร้อมกำลังพลนำเรือยางติดเครื่องยนต์ ร่วมกับ พ.ท.สกล มีสัมฤทธิ์ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหาราบที่ 151 เพื่อเข้าช่วยเหลืออพยพครอบครัวดังกล่าว แต่ด้วยกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกราก ซึ่งเป็นอุปสรรคในการนำเรือเข้าพื้นที่เพื่อให้การช่วยเหลือในขณะนี้ พร้อมทั้งได้เตรียมถุงยังชีพจำนวนหนึ่ง เข้าไปแจกจ่ายประชาชนที่อาศัยอยู่ในบ้านพัก เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแล้ว

ตร.อัยเยอร์เวง - ตชด.เบตง ออกสำรวจระดับน้ำ – ดินสไลด์ในพื้นที่

วันเดียวกันนี้ 20 ธ.ค.65 พ.ต.อ.ศุภชัช ณ พัทลุง ผกก.สภ.อัยเยอร์เวง ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อัยเยอร์เวง ออกสำรวจระดับน้ำของคลองเบตง พร้อมตรวจสอบเส้นทาง สาย 410 เบตง – ยะลา พบดินสไลด์ทับเส้นทางเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ร่วมกับชาวบ้านได้ช่วยนำหินและดินสไลด์ออกจากเส้นทางแล้ว รถสามารถสัญจรได้ตามปกติ และขอให้ประชาชน ผู้ใช้ทางโปรดใช้ความระมัดระวังในการเดินทางสาย 410 เบตง โดยเฉพาะทางคดเคี้ยวบนเขา และระหว่างที่ฝนตก ถนนลื่น ไม่ควรแซงทางโค้งในทางที่มีรถขับสวนกันเป็นอย่างยิ่ง ไม่อย่างนั้นแล้วอาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ ซึ่งที่ผ่านมามีรถเสียหลักตกข้างทางบ่อยครั้ง การขับรถในที่ที่ไม่ชินทางนั้น ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง

ขณะที่ พ.ต.ท.อรรถพล จินตาคม ผบ.ร้อย ตชด.445 ได้สั่งการให้กำลังพลเจ้าหน้าที่ ตชด.445 เตรียมความพร้อมตลอด 24 ชม เตรียมอุปกรณ์ สิ่งของที่จะนำไปช่วยเหลือชาวบ้าน หากเกิดอุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน ดินสไลด์ ในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา พร้อมนำกำลังพล ออกสำรวจระดับน้ำในลำคลอง ที่ราบลุ่ม บ้านเรือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง ที่เกิดน้ำท่วมซ้ำซาก รวมถึงถนนหนทาง ทั้งถนนสายหลักและสายรอง หากมีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน จากน้ำท่วม ดินสไลด์ ได้รับผลกระทบจากฝนที่ตกลงมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จะได้เข้าช่วยเหลือได้ทันท่วงที

เบื้องต้นพบต้นยางพาราหักโค่นล้มขวางถนนที่บ้านจับยี่ลุ้ย ต.ธารน้ำทิพย์ ซึ่งเป็นถนนสายรอง ที่ชาวบ้านใช้สัญจรมุ่งหน้าไปยังบ้านกาแป๊ะกอตอ เขตเทศบาลเมืองเบตง เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันนำเครื่องมือ มีด ขวาน โซ่เลื่อยยนต์ ช่วยกันตัดกิ่งไม้ เคลื่อนย้ายออกจากถนนให้พ้นการกีดขวางการจราจร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น