ปัตตานีกับวาทกรรม“เจาะเอ็นร้อยหวาย” เรื่องเล่าปากต่อปากบิดเบือนประวัติศาสตร์
การเจาะเอ็นร้อยหวายเป็นเรื่องเล่าที่ถูกพูดถึงปากต่อปาก
ซึ่งไม่พบเอกสารประวัติศาสตร์ชั้นต้นของสยามและมลายูที่กล่าวถึงเรื่องดังกล่าว
แต่พบในงานเขียนที่เขียนขึ้นในภายหลัง โดยจากงานวิจัยพบว่า งานเขียนเก่าแก่ที่สุด
คือ หนังสือเรื่อง “ปาตานี: ประวัติศาสตร์และการเมืองในโลกมลายู” ที่เขียนโดย
อารีฟีน บินจิ และคณะ ในปี พ.ศ. 2550 ที่ระบุว่า
“พระยากลาโหมนำเชลยมลายูปาตานี
400 คนลงเรือ …. เพื่อไม่ให้ชาวปาตานีกระโดดเรือหนีลงทะเล
ทหารสยามจึงใช้วิธีตัดหวายมาร้อยที่เอ็นเหนือส้นเท้าของเชลยเหล่านั้น
ผูกพ่วงต่อกันหลาย ๆ คน เชลยที่เป็นหญิง ก็เอาหวายเจาะใบหูผูกพ่วงไว้เช่นเดียวกัน”
อย่างไรก็ตาม
ที่ผ่านมา
แม้ว่าสยามจะมีรัฐบรรณาการหลายแห่งแต่ไม่เคยมีปรากฏว่ามีการร้อยเอ็นร้อยหวายกับเชลยศึก
อีกทั้ง ในเชิงการแพทย์ มีงานวิจัยของนายแพทย์ จิรันดร์ อภินันทน์ ได้ข้อสรุปว่า
การเอาคนถูกเอ็นร้อยหวายมาเป็นแรงงานแทบเป็นไปไม่ได้ เนื่องจาก
การร้อยเอ็นร้อยหวายจะก่อให้เกิดโรคและพยาธิสภาพต่อเอ็นร้อยหวาย
ซึ่งจะนำไปสู่อาการปวดเรื้อรังและสูญเสียการทำงาน
เป็นผลให้เกิดความพิการและทุพพลภาพ นอกจากนี้ ยังมีโอกาสสูงในการเกิดการติดเชื้อเข้าไปในเนื้อเยื่อไขมันและ/หรือถุงน้ำดี
ซึ่งอาจลุกลามถึงตัวเอ็นร้อยหวายและกระดูกส้นเท้า
นอกจากนี้
จากคำกล่าวอ้างว่าเชลยปัตตานีถูกร้อยเอ็นร้อยหวายเพื่อมาขุดคลองแสนแสบนั้น
เมื่อพิจารณาจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ พบว่า การขุดคลองแสนแสบเกิดขึ้นสมัยรัชกาลที่
3 (พ.ศ. 2380) โดยรัฐบาลจ้างชาวจีนในอัตราค่าจ้างเส้นละ 70 บาท (1 เส้น ระยะทาง 40
เมตร) ดังที่ปรากฏในบันทึกของเจ้าพระยาบดินเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)
ซึ่งสอดคล้องกับพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 3
โดยเจ้าพระยาทิพากรวงศ์
(ขำ บุนนาค) อีกทั้ง
จะเห็นได้ว่าการขุดคลองแสนแสบเกิดขึ้นก่อนการกวาดต้อนเชลยศึกจากปัตตานีขึ้นมาที่กรุงเทพฯ
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการขุดคลองเรียบร้อยแล้ว รัชกาลที่ 3
ได้โปรดให้เชลยที่ถูกกวาดต้อนจากศึกสงครามเข้ามาจับจองที่ทำกิน
โดยชาวมลายูปัตตานีและไทยบุรีที่ถูกกวาดต้อนมาให้ตั้งบ้านเรือนบริเวณย่านประตูน้ำ
มีนบุรี หนองจอก พระโขนง คลองตัน และมหานาค
กล่าวโดยสรุป คือ การร้อยเอ็นร้อยหวายเพื่อนำเชลยมาขุดคลองแสนแสบ
เป็นเพียงเรื่องเล่าที่ขาดแหล่งอ้างอิงจากเอกสารชั้นต้น และบางส่วนขัดกับข้อเท็จจริงจากเอกสารประวัติศาสตร์ชั้นต้น
โดยเฉพาะการนำเชลยที่ถูกร้อยเอ็นร้อยหวายมาขุดคลองแสนแสบ เพราะคลองแสนแสบ รัฐบาลได้ว่าจ้างชาวจีน จึงทำให้ในอดีตเรียกว่า
“คลองเจ๊ก”
และเมื่อพิจารณาในเชิงการแพทย์จะเห็นได้ว่าการร้อยเอ็นร้อยหวายจะทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรงจนนำไปสู่ความพิการและทุพพลภาพ
ซึ่งในแง่นี้จะขัดแย้งกับนโยบายการต้อนเชลยศึก
เพื่อใช้แรงงานหรือเติมกำลังคนให้กับราชอาณาจักร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น