วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

ปัตตานีกับวาทกรรม“เจาะเอ็นร้อยหวาย” เรื่องเล่าปากต่อปากบิดเบือนประวัติศาสตร์

ปัตตานีกับวาทกรรม“เจาะเอ็นร้อยหวาย” เรื่องเล่าปากต่อปากบิดเบือนประวัติศาสตร์

การเจาะเอ็นร้อยหวายเป็นเรื่องเล่าที่ถูกพูดถึงปากต่อปาก ซึ่งไม่พบเอกสารประวัติศาสตร์ชั้นต้นของสยามและมลายูที่กล่าวถึงเรื่องดังกล่าว แต่พบในงานเขียนที่เขียนขึ้นในภายหลัง โดยจากงานวิจัยพบว่า งานเขียนเก่าแก่ที่สุด คือ หนังสือเรื่อง “ปาตานี: ประวัติศาสตร์และการเมืองในโลกมลายู” ที่เขียนโดย อารีฟีน บินจิ และคณะ ในปี พ.ศ. 2550 ที่ระบุว่า

“พระยากลาโหมนำเชลยมลายูปาตานี 400 คนลงเรือ …. เพื่อไม่ให้ชาวปาตานีกระโดดเรือหนีลงทะเล ทหารสยามจึงใช้วิธีตัดหวายมาร้อยที่เอ็นเหนือส้นเท้าของเชลยเหล่านั้น ผูกพ่วงต่อกันหลาย ๆ คน เชลยที่เป็นหญิง ก็เอาหวายเจาะใบหูผูกพ่วงไว้เช่นเดียวกัน”

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา แม้ว่าสยามจะมีรัฐบรรณาการหลายแห่งแต่ไม่เคยมีปรากฏว่ามีการร้อยเอ็นร้อยหวายกับเชลยศึก อีกทั้ง ในเชิงการแพทย์ มีงานวิจัยของนายแพทย์ จิรันดร์ อภินันทน์ ได้ข้อสรุปว่า การเอาคนถูกเอ็นร้อยหวายมาเป็นแรงงานแทบเป็นไปไม่ได้ เนื่องจาก การร้อยเอ็นร้อยหวายจะก่อให้เกิดโรคและพยาธิสภาพต่อเอ็นร้อยหวาย ซึ่งจะนำไปสู่อาการปวดเรื้อรังและสูญเสียการทำงาน เป็นผลให้เกิดความพิการและทุพพลภาพ นอกจากนี้ ยังมีโอกาสสูงในการเกิดการติดเชื้อเข้าไปในเนื้อเยื่อไขมันและ/หรือถุงน้ำดี ซึ่งอาจลุกลามถึงตัวเอ็นร้อยหวายและกระดูกส้นเท้า

​​        นอกจากนี้ จากคำกล่าวอ้างว่าเชลยปัตตานีถูกร้อยเอ็นร้อยหวายเพื่อมาขุดคลองแสนแสบนั้น เมื่อพิจารณาจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ พบว่า การขุดคลองแสนแสบเกิดขึ้นสมัยรัชกาลที่ 3 (พ.ศ. 2380) โดยรัฐบาลจ้างชาวจีนในอัตราค่าจ้างเส้นละ 70 บาท (1 เส้น ระยะทาง 40 เมตร) ดังที่ปรากฏในบันทึกของเจ้าพระยาบดินเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ซึ่งสอดคล้องกับพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 3

โดยเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค) อีกทั้ง จะเห็นได้ว่าการขุดคลองแสนแสบเกิดขึ้นก่อนการกวาดต้อนเชลยศึกจากปัตตานีขึ้นมาที่กรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการขุดคลองเรียบร้อยแล้ว รัชกาลที่ 3 ได้โปรดให้เชลยที่ถูกกวาดต้อนจากศึกสงครามเข้ามาจับจองที่ทำกิน โดยชาวมลายูปัตตานีและไทยบุรีที่ถูกกวาดต้อนมาให้ตั้งบ้านเรือนบริเวณย่านประตูน้ำ มีนบุรี หนองจอก พระโขนง คลองตัน และมหานาค

​​​        กล่าวโดยสรุป คือ การร้อยเอ็นร้อยหวายเพื่อนำเชลยมาขุดคลองแสนแสบ เป็นเพียงเรื่องเล่าที่ขาดแหล่งอ้างอิงจากเอกสารชั้นต้น และบางส่วนขัดกับข้อเท็จจริงจากเอกสารประวัติศาสตร์ชั้นต้น โดยเฉพาะการนำเชลยที่ถูกร้อยเอ็นร้อยหวายมาขุดคลองแสนแสบ เพราะคลองแสนแสบ  รัฐบาลได้ว่าจ้างชาวจีน จึงทำให้ในอดีตเรียกว่า “คลองเจ๊ก” และเมื่อพิจารณาในเชิงการแพทย์จะเห็นได้ว่าการร้อยเอ็นร้อยหวายจะทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรงจนนำไปสู่ความพิการและทุพพลภาพ ซึ่งในแง่นี้จะขัดแย้งกับนโยบายการต้อนเชลยศึก เพื่อใช้แรงงานหรือเติมกำลังคนให้กับราชอาณาจักร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น