การอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้
การจัดการกับความแตกต่างหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรม
ให้ผู้คนที่มีความแตกต่างสามารถอยู่ร่วมกันได้ บนหลักการของความเท่าเทียม มีสิทธิในการดำรงรักษาไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของกลุ่มตน
ซึ่งการได้รับสิทธิดังกล่าวเป็นภาพสะท้อนสำคัญหนึ่งของประชาธิปไตย
จึงกล่าวได้ว่า พหุวัฒนธรรมนิยมมีความเชื่อมโยงกับประชาธิปไตยอย่างแนบแน่น
หรือพหุวัฒนธรรมนิยม เป็นแนวคิดที่เรียกร้องและส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยนั่นเอง
หากพิจารณาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ก็ยอมรับในวิถีการดำเนินชีวิตแบบพหุวัฒนธรรมตลอดมาและในอดีตประชาชนก็อยู่ร่วมกัน
ในสังคมแบบพหุวัฒนธรรมแบบสันติสุข
ภาพของการอยู่ร่วมกันในชุมชน
กิจกรรมต่างๆ คนไทยพุทธก็มีไทยมุสลิมก็เข้าร่วมในกิจกรรม กรณีกิจกรรมคนไทยมุสลิมก็มีคนไทยพุทธก็เข้าร่วมกิจกรรมเป็นเรื่องปกติในพื้นที่
ดังนั้น
การลอบฆ่าอิหม่าม การลอบฆ่าพระ ในช่วงที่ผ่านมา
ซึ่งหลังจากสถานการณ์เบาบางไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง
เป็นการส่งสัญญาณของผู้ก่อความไม่สงบ ให้เห็นว่าเค้าต้องการเรียกร้องอะไรบางอย่าง
เพราะการก่อความไม่สงบ ในเหตุการณ์ที่ผ่านมาคงปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นการกระทำของกลุ่มคน
ซึ่งมีการวางแผนมีการช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ
ส่งผลเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความหวาดกลัว เกิดความปั่นปวน
และเกิดความเกลียดชังกันในกลุ่มชนที่มีความแตกต่างในส่วนของอัตลักษณ์ด้านวัฒนธรรม
ในทางกฎหมาย คือ ฐานความผิดก่อการร้ายนั้นเอง
ในส่วนของอัตลักษณ์ด้านวัฒนธรรม
พิจารณาออกเป็นสองส่วน คือ วัฒนธรรมที่มีรูปร่างตัวตน เรียกว่า วัฒนธรรมทางวัตถุ
(material
culture) และวัฒนธรรมที่ไม่มีรูปร่างตัวตนและเป็นนามธรรม เรียกว่า
วัฒนธรรมที่ไม่มีรูปร่างตัวตน หรือวัฒนธรรมทางด้านจิตใจ (non
material culture)
วัฒนธรรมทางวัตถุ (material
culture) การธำรงอัตลักษณ์วัฒนธรรมทางวัตถุนั้นจะปรากฏเด่นชัดในงานสถาปัตยกรรม
ชาวไทยมุสลิม มิสยิด สุเหล่า ส่วนชาวไทยพุทธ อุโบสถ วิหาร พระพุทธรูป
และวัฒนธรรมที่ไม่ใช่วัตถุ หรือวัฒนธรรมทางจิตใจ (non material
culture) เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ชาวไทยมุสลิมนับถือ คือ อิหม่าม
ส่วนชาวไทยพุทธนับถือ คือ พระภิกษุ
วิถีไทยมุสลิมเป็นวิถีที่ยึดโยงกับแก่นของอิสลามสามประการ
อันได้แก่หลักศรัทธา หลักศาสนบัญญัติ ตลอดจนหลักคุณธรรมจริยธรรม
ซึ่งเป็นสิ่งที่ถือว่าเป็นหน้าที่ของมุสลิมที่ต้องทำความเข้าใจ
วิถีไทยพุทธเป็นวิถีที่ยึดโยงกับประเพณี
คติความเชื่อ
ค่านิยมความคิดความเชื่อทั้งในส่วนประเพณีวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา
ที่ผ่านมาภาครัฐ ก็ทุ่มเทกับพื้นที่จังหวัดแดนภาคใต้เป็นจำนวนมาก
ในหลายๆ ด้าน แม้ภาครัฐเอง จะมีเครื่องมือในการรักษาความสงบ คือกฎหมายพิเศษหรือกฎหมายความมั่นคง
แต่ก็ไม่ได้ใช้อำนาจอย่างเต็มที่เพราะไม่ต้องการให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความเดือดร้อน
ใช้ชีวิตไม่สะดวก และมีการใช้นโยบายเชิงการพัฒนาควบคู่กันไป
เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นต่อภาครัฐ ที่ประชาชนในพื้นที่เกิดความรู้สึกถูกกดทับมาเช่นอดีต
สิทธิต่างๆ ในพื้นที่กลับได้รับมากกว่าพื้นที่อื่นๆ แต่มีเพียงกลุ่มคนบางกลุ่ม
ซึ่งเป็นกลุ่มเพียงไม่กี่คน กลับปลุกฝังให้พวกเขาเหล่านั้นสร้างความปั่นป่วนในพื้นที่
ให้ประชาชนหวาดกลัวจากการกระทำของกลุ่มตน
เพื่อแสดงให้เห็นสัญลักษณ์บางอย่างที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ คิดว่าทำไปแล้วเกิดความหวาดกลัวของประชาชนในพื้นที่
มีที่มีความแตกต่างในศาสนาและวัฒนธรรมแต่ทุกคนก็เป็นคนไทย
และกฎหมายก็รองรับความเสมอภาคของคนไทยทุกคน
หากพิจารณาถึงหลักคำสอนทุกศาสนา
ปฏิเสธความรุนแรงและการก่อการร้ายในทุกรูปแบบ อิสลามและพุทธเรียกร้อง
การให้อภัย การประนีประนอม การให้ความร่วมมือช่วยเหลือ
การทำความรู้จักเชื่อมสัมพันธ์ต่อกัน และความยุติธรรม
ในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างชนชาติ ชาวมุสลิม ชาวพุทธ เชื่อว่าการสทนาคือเครื่องมือที่ดีที่สุดในการสร้างความสัมพันธ์และการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทหรือความบาดหมางระหว่างกัน
เพราะประชาชาติมุสลิมเป็นผู้มีศรัทธาในอัลเลาะห์
หรือประชาชาติพุทธเป็นผู้มีศรัทธาในพระพุทธเจ้า
ให้ความสำคัญกับการสนทนาเพื่อหาข้อยุติ
การประณามการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ
หรือก่อการร้ายโดยใช้สื่อเป็นเครื่องมือก็เป็นวิธีหนึ่ง
แต่การก่อการร้ายหรือเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จะหมดไปได้ก็เมื่อได้รับการพิเคราะห์พิจารณาอย่างรอบทุกด้านอย่างถูกต้อง
ประกอบกับประชาชนในพื้นที่ไม่ว่านับถือศาสนาใดให้ความร่วมมือ คอยเฝ้าระวัง
การแจ้งเบาะแส การไม่นิ่งเฉยต่อสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น
ก็ทำให้สถานการณ์ในภาคใต้เปลี่ยนแปลงไปได้
และเมื่อถึงเวลานั้นกฎหมายความมั่นคงต่างๆ
ในพื้นที่ก็ต้องยกเลิกใช้ในที่สุด
เพราะไม่มีความจำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษที่แตกต่างจากพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น