📌💥เหตุปะทะกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิต
#ซาฮีดจริงหรือ?
#ไม่ต้องอาบน้ำศพ?
กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่เสียชีวิตเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายติดตามจับกุมแล้วเกิดการปะทะทำให้ผกร.เสียชีวิตถือเป็นการตายแบบชาฮีด
ไม่ต้องอาบน้ำศพถูกต้องตามหลักศาสนาจริงหรือ? ซึ่งเป็นเพียงกลอุบายที่ต้องการโน้มน้าวให้
RKK ของกลุ่มขบวนการยอมพลีชีและทรัพย์สิน #โดยอ้างว่าผู้ที่ตายแบบชาฮีดจะได้ขึ้นสวรรค์ทันที
โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการไต่สวนความดีความชั่วจากพระเจ้า
เรายังคงเห็นวังวนเดิมจากอดีตจนถึงปัจจุบันเกี่ยวกับแห่ศพ ของ ผกร.ที่เสียชีวิต
แน่นอนถือเป็นเรื่องที่ธรรมดา
สำหรับผู้นับถือศาสนาอิสลาม
ที่จะมีการแห่ศพ #แต่ที่ต่างออกไปคือการไม่อาบน้ำศพ #แล้วยังยกย่องว่าเป็นการตายแบบซาฮีด
เป็นการตายเพื่อปกป้องศาสนา แม้ผู้ตายจะมีหมาย ป.วิอาญา หลายหมาย
เข่นฆ่าชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์มานับไม่ถ้วน
ก็ถูกยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษนักรบในสายตาของคนในชุมชนตนเอง กลายเป็นไอดอลให้กับเด็กเยาวชนรุ่นหลังให้เกิดความรู้สึกร่วมนำไปสู่การเข้าสู่วังวนความชั่วร้ายสร้างความรุนแรงแบบไม่มีวันจบ
และตายขณะที่ละเมิดต่อคำสอนของพระองค์อัลลอหและท่านศาสดา
เรื่องการฆ่าคนบริสุทธิ์ ย่อมตกศาสนา กลายเป็นคนนอกศาสนาไปในที่สุด หลุดออกไป
อยู่นอกการอนุมัติทั้งปวง ของพระองค์อัลลอฮ์ ดั่งที่พระองค์ตรัสไว้ความว่า
“และฉันไม่ได้สร้างญินและมนุษย์มาเพื่ออื่นใดนอกจาการเคารพภักดีต่อฉัน” (51 : 56) ไม่ใช่เกิดเพื่อมาต่อสู้ แย่งชิงอำนาจ ตามที่กลุ่มขบวนการฯ แอบอ้าง....#เพราะประเทศไทยให้สิทธิทุกอย่างแล้ว....ซึ่งเป็นเรื่องที่ชาวมุสลิมทั้งหลาย
เกรงกลัวยิ่งนัก ไม่มีใครอยากตกอยู่ในสถานะนั้นอย่างแน่นอน
เพราะจะต้องถูกเขี่ยลงนรก วิญญาณจึงไม่มีโอกาส ได้เข้ารับการพิพากษา
ในวันกียามะห์แต่จะหายสาปสูญไปในไฟนรกตลอดกาล.....
✅"พวกเขาจึงไม่ใช่นักรบเพื่อศาสนา นักรบแห่งพระองค์อัลลอฮ์ หรือวีรบุรุษ
แต่เป็นนักรบเพื่อคนชั่วที่ใคร่ได้อำนาจเท่านั้นเอง"
ซึ่งเชคยูซูฟ
นักการศาสนาอิสลามในซาอุฯ #ตอบคำถามกรณีผู้ก่อเหตุร้ายเสียชีวิตจาก
เจ้าหน้าที่วิสามัญแล้วหลงผิดอ้างว่า เป็นการตายแบบชาฮีดไม่อาบน้ำศพไม่มีการละหมาด
ซึ่งจากคำตอบจุฬาราชมนตรี 24 ก.ค. 61 #ถือว่าไม่เป็นชาฮีด
ในกรณีนี้ญาติผู้ตายหรือคนทั้งหมู่บ้านจะบาปหรือไม่คำตอบคือ
อิหม่ามหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องที่มีความรู้ทางศาสนาจะต้องชี้นำหลักที่ถูกต้องหากไม่บอกกล่าวถือเป็นบาป
สำหรับผู้ตาม “อะวาม” ได้รับการยกเว้นในครั้งแรกนี้
แต่ต่อไปถือเป็นหน้าที่ทุกคนจะต้องสอดส่องดูแลไม่ให้หลงผิด
ตายแบบไหนที่เรียกว่า
"ซาฮีด"
"ซาฮีด" ในข้อชี้ขาดของโลกนี้และโลกหน้า คือ ผู้ตาย"ซาฮีด"
ในสมรภูมิ (เพื่อปกป้องและเชิดชูธงชัยแห่งศาสนาอิสลามให้สูงส่ง)
ข้อชี้ขาดของโลกนี้คือ ไม่มีการอาบน้ำศพ และไม่มี
การละหมาดให้ตามทัศนะของปวงปราชญ์ (ญุมฮูรุ้ลอุละมาอฺ) และข้อชี้ขาดของโลกหน้านั้น
คือ ผู้ตาย"ซาฮีด" นั้นจะได้รับอานิสงค์เป็นกรณีพิเศษ
ถือเป็นผู้ตาย"ซาฮีด" ที่ได้รับภาคผลของการเป็น"ซาฮีด"
(ชะฮาดะฮฺ) ที่สมบูรณ์ (อัลฟิกฮุล อิสลามี่ย์ ว่า อะดิ้ลล่าตุฮู ; วะฮฺบะฮฺ อัซซุฮัยลี่ย์, 2/559 , ดารุ้ลฟิกร์ ,
ดามัสกัส ; 1989)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น