วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2565

ขอบคุณและเป็นเกียรติที่มาเยือนชายแดนใต้ เด็กหญิงนิภาดา in วังยะหริ่ง🕌จ.ปัตตานี

ขอบคุณและเป็นเกียรติที่มาเยือนชายแดนใต้ เด็กหญิงนิภาดา in วังยะหริ่ง🕌อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี

แดดร่มลมตกในบ่ายวันหนึ่ง ณ ช่วงเวลาที่อยู่ในเขตจังหวัดปัตตานี หลังจากที่ขี่รถหลงวนๆ one way อยู่ในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง นามว่า “ยะหริ่ง”

อำเภอยะหริ่ง เป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดปัตตานี ตั้งอยู่ไม่ไกลจากอำเภอเมืองมากนัก ขี่รถมาไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็ถึงค่ะ

ณ อำเภอแห่งนี้ มีทั้งป่าโกงกาง สวนมะพร้าว และมีอาณาเขตติดกับทะเล ถือว่าเป็นอำเภอที่เราสามารถเห็นวงจรชีวิตของชาวบ้านที่นี่ชัดเจนมากๆ วันที่อ้อมกำลังจะออกจากตัวอำเภอ…อ้อมได้มีโอกาสพูดคุยกับก๊ะเจ้าของร้านขนมในตัวเมืองเรื่องสถานที่ท่องเที่ยว และความสำคัญของเมืองนี้พอสังเขป เพราะส่วนใหญ่อ้อมอาศัยเวลาช่วงบ่ายเกือบทั้งหมด เอนกายคลายสายตาไปกับเก้าอี้สีดำหน้าร้าน


เขาว่ากันว่า เมืองแห่งนี้เป็นเมืองเก่า ดูจากอาคารบ้านเรือนก็ทราบแล้วว่าอายุของเรือนไม้ที่ถูกปลูกสร้างในบริเวณตัวอำเภอต้องมีไม่ต่ำกว่า 50 ปีขึ้นไปแน่นอน โดยเฉพาะสถานที่ที่บอกได้คำเดียวว่า ใครมายะหริ่งแล้วต้องแวะ เดี๋ยวจะมาไม่ถึง นั่นคือ “วังยะหริ่ง” หรือบางท่านเรียก วังเจ้าเมืองยะหริ่ง ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2428 ในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยพระยาพิพิธเสนามาตยาธิปบดีศรีสุรสงคราม เจ้าประเทศราชเมืองยะหริ่ง ลำดับ 3 ซึ่งเป็นบุตรของพระยาพิบูลเสนานุกิจพิเชษฐ์ภักดี ผู้เป็นพระยาเมืองยะหริ่งลำดับ 2

เผื่อใครยังไม่รู้ สยามประเทศเมื่อก่อนยังมีการส่งบรรณาการกันอยู่ โดยยะหริ่งยังเป็นประเทศราชของสยาม ต้องทำการส่งเครื่องบรรณาการ 3 ปี ต่อ 1 ครั้ง จึงทำให้วังแห่งนี้มีคสามสำคัญกับดินแดนแห่งนี้มาก🪙⚜️


พอลุกจากเก้าอี้สีดำนั่นได้ ก็จัดแจงตัวเองขี่รถวนๆ หาวังเลยฮะ ก่อนที่วังจะปิดทำการ ซึ่งอ้อมยอมรับว่าตัวเองก็วนหลงอีกเช่นเคย จนเจ้าหน้าที่เขาขี่รถวนมาหาอ้อมจนเจอแถวๆ นั้นแหละ ถึงได้นำทางเข้าวังได้😂

อ้อมเลี้ยวเข้าทางด้านหลัง เนื่องจากประตูด้านหน้ากำลังอยู่ในช่วงปรับปรุง ตอนเข้ามาด้านข้างวัง ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโรงเรียนยะหริ่ง เราจะผ่านเข้ามาทางบริษัทของลูกหลานของเจ้าเมืองที่นี่ค่ะ

จะบอกว่า ถึงเวลาจะผ่านมานานเป็นร้อยๆ ปีแล้ว แต่วังแห่งนี้ยังมีลูกหลานของเจ้าเมืองที่เป็นเชื่อสายท่านโดยตรงอาศัยภายในวังค่ะ ทำให้ตอนเราเข้ามาในบริเวณวัง จะให้บรรยากาศไม่เหมือนวังทั่วๆ ไป เพราะวังแห่งนี้ยังมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ☺️


ตอนเลี้ยวเข้ามาจอดด้านหน้า บรรยากาศโดยรอบร่มรื่นไปด้วยแมกไม้ที่มีอายุอานามกว่า 100 ปี ครั้นเอี้ยวหน้าหันกลับมามองทางตัววัง เราจะเห็นว่าเป็นลักษณะกึ่งปูนกึ่งไม้ ออกแบบตัวเรือนด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ไทยมุสลิมทางภาคใต้ผสมผสานกลิ่นอายแบบตะวันตก

สิ่งที่สะดุดตาอ้อมมากๆ คือบันไดโค้งสไตล์ยุโรป ทอดยาวขึ้นไปถึงระเบียงด้านบน โดยเราจะมองเห็นช่องแสงใกล้ๆ ประตูถูกประดับประดาด้วยกระจกสีสันต่างๆ และช่องระบายอากาศเป็นไม้ที่ถูกฉลุด้วยลวดลายพฤกษาตามแบบศิลปะชวา

ถอดรองเท้าและค่อยๆ ไต่ระดับทางเดินขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงบานประตูที่อยู่เบื้องหน้า ทอดสายตาเข้าไปด้านในจะพบห้องโถงขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เจ้านายในอดีตใช้นั่งประชุมเจรจาการบ้านการเมืองกัน ณ ห้องแห้งนี้

ภายในห้องโถงที่เราก้าวเท้าเข้ามา เราจะเห็นเฟอร์นิเจอร์เก่าๆ ที่ในอดีตเจ้านายที่นี่เคยใช้งานตั้งอยู่ตามจุดต่างๆ และยังเห็นถ้วยชามรามไหถูกจัดแสดงในตู้โชว์ของวังอีกด้วย

ตามผนังของเรือนจะมองเห็นบรรดารูปเจ้านายในเครื่องแบบทางการตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่ใช้ชีวิตอยู่ ณ วังแห่งนี้ ให้เหล่าผู้มาเยือนได้เห็นถึงความเป็นมาเป็นไปของวังโดยมีไกด์คอยบรรยายให้ความรู้ตลอดการเข้าชมค่ะ สามารถถามข้อมูลได้เลย ไกด์น่ารักมาก❤️

บางจุดเข้าไปดูไม่ได้เพราะเป็นบริเวณที่มีลูกหลานของท่านเจ้าเมืองอาศัยอยู่จริงค่ะ แต่สามารถถ่ายรูปได้ และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ทุกคนในเวลาราชการ สามารถมาได้เลยจ้า

ถือว่าเป็นความโชคดีของอ้อมมากๆ ที่มีคนนำทางพาเข้าไปนะคะ เพราะถ้าไม่มีพาเข้าไป อ้อมจะคิดว่าวังที่นี่ปิดอยู่

ถึงจะเพลียๆ ไปบ้างในวันที่เดินทางไปชมวังประจำเมือง แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องโชคดีของเด็กผู้หญิงนักเดินทางคนนี้เป็นอย่างมาก และรู้สึกเป็นเกียรติสุดๆ ที่ได้มีโอกาสมาชมสถานที่ที่มีความสำคัญต่อผู้คนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ค่ะ

ก่อนจะออกจากอำเภอแห่งนี้ อ้อมขอฝากวังยะหริ่ง ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจคนไทยทุกคนด้วยนะค้าบ☺️🕌

ด้วยรักและเดี๋ยวคลิปตามมาภายหลังนะคะ🫶

เด็กหญิงนิภาดา🐒

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น