น้ำท่วมเป็นภัยธรรมชาติ
แต่ปีนี้หนักหนาสาหัสอย่างที่ไม่เคยเกิด ซ้ำร้ายช่วงนี้ฝนตกชุก น้ำเหนือไหลหลาก
ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมอย่างหนักในหลายจังหวัด
ประชาชนในหลายจังหวัดต่างได้รับความเดือดร้อน เสียหายทั้งบ้านเรือน ไร่นา
นอกจากเป็นปัญหาทางด้านเศรษฐกิจแล้ว ยังมีปัญหาสุขภาพตามมาอีกด้วย
นับเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจเป็นอย่างมาก
น้ำท่วมในระยะแรกอาจยังไม่มีเชื้อโรคมาก แต่เมื่อกลายเป็นน้ำขังก็จะสกปรกและมีเชื้อโรคมากขึ้น
น้ำจึงเป็นที่มาของเชื้อโรคชนิดต่างๆ และหากต้องเดินย่ำน้ำแต่ละวันเป็นเวลานาน
ก็จะยิ่งมีโอกาสป่วยด้วยโรคที่มากับน้ำท่วมมากขึ้น โรคอาจมากับน้ำท่วมเช่น
โรคผิวผนัง โรคเท้าเปื่อย โรค ท้องร่วง โรคฉี่หนู โรคตาแดง และโรคเครียด เป็นต้น
เรามาดูสาเหตุและการป้องกันแก้ไขโรคที่มากับน้ำท่วมกันนะครับ
1.โรคน้ำกัดเท้าหรือ ฮ่องกงฟุต
จะมีอาการคันซึ่งเกิดจากเชื้อราที่เท้า เมื่อเท้าเปียก ๆ ชื้น ๆ
จะเป็นบ่อเกิดของเชื้อราที่เรียกว่า Dermatophytes เนื่องจากเชื้อราจะเจริญเติบโตได้ดีในอากาศชื้น
การติดเชื้อ
การติดเชื้อส่วนใหญ่ หากไม่ใช่ฤดูฝน มักจะเกิดจากเหงื่อออก หมักหมม
ไม่รักษาความสะอาดให้ดี แต่หากในช่วงน้ำท่วม มักเป็นจากเท้าที่เปียกๆ ชื้นๆ บ่อยๆ
แล้วไม่ดูแลรักษาความสะอาดให้ดี
อาการ
คันตามซอกนิ้วเท้าและผิวหนังลอกออกเป็นขุย ๆ เป็นผื่นที่เท้า
ที่พบบ่อยจะเกิดตรงซอกนิ้ว แต่ก็สามารถลุกลามไปถึงฝ่าเท้าและเล็บได้
การรักษา
การรักษาโรคราที่เท้า ควรล้างเท้าให้สะอาดด้วยสบู่และเช็ดให้แห้ง
ใส่ถุงเท้าที่สะอาดและไม่เปียกชื้น ใช้ครีมรักษาเชื้อราทา
การป้องกัน
- หลีกเลี่ยงการแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานานๆ
- ถ้าจำเป็นจะต้องเดินลุยน้ำหรือแช่น้ำควรสวมรองเท้าบู๊ท
2. โรคอุจจาระร่วง
ผู้ป่วยจะถ่ายอุจจาระเหลว 3 ครั้งต่อวัน หรือมากกว่า
หรือถ่ายอุจจาระเป็นมูกปนเลือดอย่างน้อย 1 ครั้ง
โรคอุจจาระร่วงเป็นโรคติดต่อระบบทางเดินอาหารมักพบบ่อยขณะเกิดภาวะน้ำท่วมเกิดจากเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย
การติดต่อ
โดยการสัมผัสเชื้อจากการกินอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรคจากสิ่งปฏิกูลที่มาจากน้ำท่วม
หรือจากการใช้น้ำที่ไม่สะอาดชำระล้างภาชนะใส่อาหาร เช่น ถ้วย ชาม ช้อน
ที่ปนเปื้อนปัสสาวะ อุจจาระ ขยะมูลฝอยที่บูดเน่า
หรือจากการไม่ล้างมือให้สะอาดก่อนเตรียมหรือปรุงอาหาร จะทำให้เกิดโรคติดต่อทางเดินอาหารต่าง
ๆ ได้
การป้องกัน
- ดื่มน้ำสะอาด น้ำบรรจุขวด ถ้าจำเป็นต้องดื่มน้ำที่ท่วมควรต้มให้สุกก่อน
- ล้างมือด้วยสบู่ทุกครั้งก่อนกินอาหารและหลังการขับถ่าย
- ภาชนะที่ใส่อาหารควรล้างด้วยน้ำสะอาดก่อนนำมาใช้
- กินอาหารที่ทำสุกใหม่ๆ ที่ไม่มีแมลงวันตอม
- รักษาความสะอาดในเรื่องการกำจัดขยะมูลฝอย การกำจัดอุจจาระ
ปัสสาวะที่ถูกต้อง
-
หลีกเลี่ยงการถ่ายอุจจาระในน้ำที่ท่วมเพราะจะทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้
(ในภาวะน้ำท่วมสูงควรถ่ายใส่ถุงดำแล้วโรยปูนขาว ปิดปากถุงให้แน่น
รอเรือเก็บขยะมาเก็บ)
- ไม่ควรกินยาหยุดถ่ายเองควรปรึกษาแพทย์
3. โรคตาแดง
เป็นโรคติดต่อที่ระบาดได้ง่ายมาก เกิดจากเชื้อไวรัส
โรคนี้จะไม่ทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิตแต่ถ้าไม่รีบรักษาอาจเกิดโรคแทรกซ้อนได้
สาเหตุ
- ใช้มือสกปรกที่อาจมีเชื้อโรคขยี้ตา
- ใช้สิ่งของเครื่องใช้ร่วมกับผู้ที่เป็นโรค หรือเล่นกับผู้ป่วย
- แมลงวันหรือแมงหวี่ตอมตา หรือฝุ่นละอองเข้าตามาก ๆ จนตาอักเสบ
- อาบน้ำในคลองสกปรก หรือที่มีตาแดงระบาด
การป้องกัน
ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วยโรคตาแดง
ล้างหน้าและมือให้สะอาดอยู่เสมอ
ไม่ควรเอามือขยี้ตา
อาการ
เคืองตา น้ำตาไหล มีขี้ตามาก อาการจะมีประมาณ 10 วัน
การรักษา
พักสายตาบ่อย ๆ ประคบตาด้วยผ้าเย็น
และเช็ดตาด้วยสำลีชุบน้ำอุ่น
4. โรคฉี่หนู Leptospirosis
เชื้อนี้สามารถพบได้สัตว์หลายชนิด
แต่พบมากในหนู
โดยเชื้อโรคในตัวหนูจะออกมากับฉี่ของหนู และปนเปื้อนอยู่ตามแหล่งน้ำ
ซึ่งเชื้อที่อยู่ตามแหล่งน้ำนี้ สามารถเข้าทางผิวหนังของผู้ป่วยที่มีบาดแผล
หรือรอยถลอกที่ผิวหนัง และหากบริเวณบาดแผลไปสัมผัสกับน้ำที่มีเชื้อโรคฉี่หนู
เชื้อโรคก็จะเข้าสู่ตัวผู้ป่วย และก่อโรคได้
สาเหตุ
เกิดจากเชื้อ Leptospira interogans มักจะพบการระบาดในเดือนตุลาคม
และพฤศจิกายน เนื่องจากเป็นฤดูฝนและมีน้ำขัง
การติดต่อ
โดยเชื้อที่ปนในน้ำ ในดิน เข้าสู่คนทางผิวหนัง หรือเยื่อบุ ที่ตา ปาก จมูก
หลังจากได้รับเชื้อ โดยเฉลี่ย 10
วันผู้ป่วยก็จะเกิดอาการของโรค คือ
- ปวดศีรษะทันที มักจะปวดบริเวณหน้าผาก หรือหลังตา บางรายปวดบริเวณขมับทั้งสองข้าง
- ปวดกล้ามเนื้อมาก
โดยเฉพาะบริเวณ ขา น่อง เวลากด หรือจับจะปวดมาก
- ไข้สูงร่วมกับหนาวสั่น อาการต่าง ๆ อาจอยู่ได้ 4-7 วัน
นอกจากอาการดังกล่าวผู้ป่วยอาจมีอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน
บางรายมีอาการถ่ายเหลว ปวดท้อง การตรวจร่างกายในระยะนี้อาจพบว่าผู้ป่วยมีอาการตาแดง
การป้องกัน
- หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำ
แช่หรือลุยในน้ำที่อาจปนเปื้อนเชื้อปัสสาวะของสัตว์นำโรค
ถ้าจำเป็นควรสวมรองเท้าบู๊ท
- ล้างเท้าหรือส่วนที่แช่อยู่ในน้ำเมื่อขึ้นจากการแช่น้ำทุกครั้งและรีบอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายทันที
- เมื่อมีอาการน่าสงสัย เช่น มีไข้ ปวดศรีษะรุนแรง ปวดกล้ามเนื้อน่อง โคนขา
หลังหรือมีอาการตาแดง ให้รีบพบแพทย์ด่วน
การรักษา
ก่อนอื่นผู้ป่วยจะต้องไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย
และยาที่มักจะได้รับ คือ ยาปฏิชีวนะ เช่น เพนนิซิลิน หรือ doxycycline
(อย่างไรก็ตาม
ห้ามซื้อยารับประทานเองเด็ดขาดเพราะอาจเกิดอันตรายถึงชีวิต)
5. โรคเครียด
ในภาวะเช่นนี้ ทุกคนที่ประสบภัยน้ำท่วม
หรือกำลังอยู่ในที่ที่มีความเสี่ยงที่อาจถูกน้ำท่วม ก็จะเกิดภาวะเครียดเป็นธรรมดา
จะมากหรือน้อยขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น
ปัจจัยส่วนตัวของผู้นั้นเองว่ามีความมั่นคงทางอารมณ์มากน้อยเพียงใด
แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีเพียงใด และอีกปัจจัยที่มีผลต่อความรุนแรงของความเครียด
คือขนาดของความเสียหาย หากขนาดของความเสียหายมาก
ก็มีโอกาสที่จะมีความเครียดรุนแรงได้
หากมีอาการเครียดมากจน ทำให้การทำกิจวัตรประจำวันเสียไป นอนไม่หลับ
ก็ควรไปพบแพทย์ เพื่อรับคำแนะนำ และแพทย์อาจให้ยาคลายเครียดช่วย
ในรายที่มีอาการมาก จนรบกวนการดำรงชีวิตประจำวัน และในรายที่อาการมาก
อาจต้องพบจิตแพทย์
“ข้อมูลข้างต้นที่ได้นำเสนอไปนั้น หวังว่าท่านผู้อ่านจะได้รับประโยชน์ในช่วงวิกฤตเช่นนี้ไม่มากก็น้อย อย่างไรก็ตาม ผมและกองบรรณาธิการวารสารศิริราชประชาสัมพันธ์ ขอร่วมเป็นกำลังใจให้ผู้ประสบอุทกภัยทุกท่านให้มีกำลังใจฟันฝ่าอุปสรรคนี้ไปอย่างมั่นคง และอย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพท่านด้วยนะครับ”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น