รอง
ผอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ห่วงการ์ดเกมส์บิดเบือนประวัติศาสตร์
หวั่นเยาวชนตกเป็นเครื่องมือ ฝากสถาบันการศึกษาเร่งสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง จากกรณีที่มีเกมส์ไพ่
การ์ดเกมส์ ชื่อว่า Patani
Colonial Territory ซึ่งมีเนื้อหาที่บิดเบือนประวัติศาสตร์และสร้างวาทกรรม
สร้างความแตกแยก โดยเฉพาะ “เชลยศึกปัตตานีที่ถูกทารุณด้วยการเจาะเอ็นร้อยหวาย”
โดยมีการเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์
และจัดกิจกรรมดึงเยาวชนเข้ามาเล่นเกมส์ดังกล่าวนั้น
พลตรี
ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า
เกมส์ไพ่ การ์ดเกมส์ ชื่อว่า Patani Colonial Territory เป็นสิ่งที่น่ากังวลอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวล่าสุดที่ได้ที่มีการนำประวัติศาสตร์เชิงบาดแผลในจังหวัดชายแดนภาคใต้มาผลิตเป็นเกมส์
อย่าง เรื่อง “การเจาะเอ็นร้อยหวาย” ซึ่งหากย้อนกลับไปศึกษาประวัติศาสตร์แล้ว
จะพบว่า เรื่องเจาะเอ็นร้อยหวาย เป็นเรื่องที่ถูกสร้างแต่งขึ้นมา
อย่างที่ในเกสม์ที่ ระบุว่า มีการจับคนมลายูเจาะเอ็นร้อยหวายไปขุดคลองแสนแสบนั้น
เป็นเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้มาอย่างยาวนาน ในลักษณะ
เล่าต่อจากรุ่นต่อรุ่น ประเด็นนี้ ได้มีการศึกษาอย่างละเอียด
ทั้งในเชิงการแพทย์และในเชิงประวัติศาสตร์ การขุดคลองแสนแสบ พบว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องการนำคนมลายูที่ตกเป็นเชลยในขณะนั้นมาขุดคลองแสนแสบแต่อย่างใด
โดยข้อเท็จจริงในเชิงทางการแพทย์
ไม่มีโอกาสที่จะเป็นไปได้เลยที่หากถูกเจาะเอ็นร้อยหวายแล้วจะสามารถทำงาน นอกจากนี้
เชิงประวัติศาสตร์ ได้มีนักวิชาการที่ศึกษาวิจัย ระบุไว้ชัดเจนว่า การขุดคลองแสนแสบนั้นเกิดขึ้นในสมัยใด
และใช้แรงงานจากที่ใด
ซึ่งจากหลักฐานที่ได้บันทึกไว้พบว่าส่วนใหญ่เป็นแรงงานชาวจีนโพ้นทะเลและคนลาว
และยังไม่ปรากฏหลักฐานใดที่บ่งชี้ว่าได้มีการนำเชลยศึกมาเจาะเอ็นร้อยหวายแล้ว
นำมาขุดคลองแสนแสบแต่อย่างใด
พลตรี
ปราโมทย์ พรหมอินทร์ ยังระบุด้วยว่า กรณีที่เกิดขึ้น
เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างในเชิงประวัติศาสตร์ที่ถูกแต่งเรื่องขึ้นมา โดยมีเป้าหมาย
เพื่อต้องการปลุกระดมประชาชน นอกจากนี้
ยังพบมีองค์กรบางองค์กรที่ให้การสนับสนุนงบประมาณในการผลิตการ์ดเกมส์
จากการตรวจสอบพบเป็นองค์กรที่เคลื่อนไหวทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม
จากกรณีดังกล่าว พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่
4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 มีความห่วงใยต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน จึงให้เน้นสร้างความเข้าใจแก่ประชาชน
ขอความร่วมมือให้สถาบันการศึกษา ได้สร้างความเข้าใจในประวัติศาสตร์ที่ถูกต้อง
ทั้งนี้ การเรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์ท้องถิ่น
ถือเป็นสิ่งที่รัฐให้การสนับสนุนและได้พัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์เพื่อสร้างความภาคภูมิใจมาโดยตลอดแต่การที่นำประวัติศาสตร์มาปั้นแต่งและบิดเบือนเพื่อให้เกิดการแตกแยกเป็นสิ่งที่ไม่สมควร
ดังนั้น
ขณะนี้ได้ใช้เวทีสภาเพื่อสันติสุข ในการสร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน
และผู้บริหารสถานศึกษาเพื่อที่จะให้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความจริงให้กับเยาวชน
พร้อมฝากไปยังผู้ปกครอง
หากในช่วงนี้อาจมีกลุ่มที่หวังผลประโยชน์ทางการเมืองหยิบยกประเด็นปัญหาทางความมั่นคงมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง
ขอให้ช่วยกันเฝ้าระมัดระวัง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น