วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2565

รอมฎอนสันติสุข กลายเป็นรอมฎอนเปื้อนเลือด

 

กับความเชื่อของกลุ่มโจรใต้ในการก่อเหตุ ห้วงเดือนรอมฎอน เดือนแห่งการถือศีลอดของพี่น้องมุสลิมเป็นเดือนของการกระทำแต่ความดีละเว้นความชั่วทั้งปวง เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในเดือนนี้ เหตุการณ์น่าจะเกิดขึ้นเลย

โดยเช้าวันนี้ เกิดเหตุลอบวางระเบิดชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ เหตุเกิดขณะที่ นายนาวี ฯ พร้อมกับเพื่อนอีกจำนวน 1 คน ได้ขับขี่รถ จยย. เพื่อเดินทาง เข้าไปหาปลาที่บ่อน้ำในหมู่บ้าน เมื่อมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ นายนาวีฯ พบถุงต้องสงสัย วางอยู่บริเวณข้างทาง จึงได้ไปหยิบยกขึ้นมา ทำให้เกิดระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้เสียชีวิตดังกล่าว ส่วนเพื่อนของนายนาวีฯ ไม่ได้รับบาดเจ็บ

จากการตรวจสอบเบื้องต้น เป็นระเบิดแสวงเครื่องไม่ทราบภาชนะบรรจุ คาดว่าจุดชนวนด้วยการกด/เลิกกด (รอเหยื่อมากระทำ) โดยคนร้ายนำระเบิดซุกซ่อนไว้ในบริเวณข้างทาง หลังเกิดเหตุ คนร้ายได้นำวัตถุต้องสงสัย ซึ่งมีลักษณะเป็นไห มาวางไว้บริเวณข้างทาง ก่อนถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ประมาณ 50 เมตร พร้อมทั้งโปรยกระดาษใบปลิวตามเส้นทาง

ต่อมาเมื่อเวลา 09.00 จนท.ชุด EOD ภ.จว.ปัตตานี เข้าดำเนินการตรวจสอบ/เก็บกู้ วัตถุต้องสงสัยดังกล่าว ระหว่างที่ จนท.ชุด EOD ทำการตรวจสอบ ได้เกิดระเบิดขึ้น แรงระเบิดทำให้ จนท.ชุด EOD ได้รับบาดเจ็บจำนวน 3 นาย นำส่ง รพ.สมเด็จพระยุพราชสายบุรี ทราบชื่อดังนี้.-

1. ด.ต.เกษม บัวเทศ อายุ 50 ปี มีบาดแผลฉีกขาดบริเวณขาขวา ,บริเวณมือซ้ายหักกระดูกผิดรูป และนิ้วมือด้านซ้ายฉีกขาด ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่งต่อ รพ.สงขลานครินทร์ (รพ.มอ.หาดใหญ่)

2. ด.ต.ทนงศักดิ์ เจ๊ะสา อายุ 40 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณใบหน้า ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่งต่อ รพ.สงขลานครินทร์ (รพ.มอ.หาดใหญ่)

3. ร.ต.อ.พนม ขวัญอ่อน อายุ 50 ปี มีบาดแผลฉีกขาดบริเวณหน้าขาด้านขวา ได้รับบาดเจ็บ แพทย์ทำการรักษาและให้นอนพักฟื้นเฝ้าดูอาการ  ณ รพ.สมเด็จพระยุพราชสายบุรี

จากการตรวจสอบ ที่เกิดระเบิด พบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องไม่ทราบภาชนะบรรจุและการจุดชนวน โดยคนร้ายนำระเบิดมาซุกซ่อนไว้ข้างทาง ห่างจากจุดแรกประมาณ 50 เมตร

ขอประณามการกระทำที่ป่าเถื่อน และไร้ซึ่งมนุษยธรรมของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบใน 3 จชต. ที่ใช้ความรุนแรงลอบวางระเบิดหวังสังหารชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ทำมาหากิน ถือเป็นความตั้งใจละเมิดสิทธิมนุษยชน และไม่ให้ความสำคัญในห้วงเดือนรอมฎอน ด้วยการสร้างความกลัวจากการก่อเหตุรุนแรง และยังเป็นการซ้ำเติมความยากลำบากของประชาชนในพื้นที่ กลุ่มผู้ก่อเหตุ และผู้อยู่เบื้องหลังการกระทำดังกล่าว สมควรได้รับการประณามร่วมกันอย่างกว้างขวาง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น