ผกร.ระเบิดรางรถไฟ
ใคร?
เดือดร้อน
เมื่อ 13
ธันวาคม 2564 เวลาประมาณ 12.30 น.
ได้เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายระเบิดเส้นทางรถไฟในพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี
ส่งผลให้โบ๋อิ้งได้รับความเสียหาย ประชาชนได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ทราบชื่อคือ
1. นาย ชยพล ยิ้มแก้ว อายุ43 ปี ได้รับบาดเจ็บ
โดนสะเก็ตที่แขน และ หูซ้าย มีอาการหูอื้อ
2.นายสันติบุรี
เภาเส็น อายุ 28 ปี มีอาการหูอื้อ
3.นางสาว
วันอารีนีย์ สำตาลี อายุ 24 ปี ได้รับบาดเจ็บบริเวณไหล่ซ้าย มีอาการหูอื้อ
จากการสอบสวนทราบว่า
รถไฟขบวนดังกล่าวเป็นรถท้องถิ่นที่ 452 สุไหงโก-ลก-นครศรีธรรมราช โดยก่อนเกิดเหตุ
รถไฟขบวนดังกล่าวเพิ่งรับผู้โดยสารจากสถานีรถไฟปัตตานี (โคกโพธิ์)
จากนั้นขบวนรถไฟได้วิ่งต่อไปยังสถานีรถไฟตาแปด แต่ปรากฏว่าเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ
คนร้ายได้กดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ฝังไว้ริมถนนจนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่น
นายชยพล ยิ้มแก้ว ซึ่งเป็นพนักงานขับรถไฟถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บ
ยังแข็งใจพยายามเร่งเครื่องหนีไปจอดที่สถานีรถไฟตาแปด ก่อนจะขอความช่วยเหลือ
ขณะที่ผู้โดยสารจำนวนมากตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้ลงจากรถไฟ
เพื่อรอรถขบวนอื่นมารับต่อเพื่อไปส่งยังปลายทางต่อไป
จากเหตุระเบิดรถไฟขบวนนี้ทำให้ไม่สามารถเดินรถต่อไปยังปลายได้
ทำให้มีผู้โดยสารตกค้างอยู่ที่สถานีรถไฟตาแปด อ.เทพา จำนวนราว 300 คน
ทางฝ่ายปกครองอำเภอเทพา และทหารได้ให้การช่วยเหลือต้องจัดรถทั้งของอำเภอเทพา
รถทหาร และรถของวิทยาลัยชุมชนเทพา ไปส่งยังปลายทางของผู้โดยสารทุกคน
ผลกระทบจากกลุ่มผู้ก่อเหตุระเบิดรางรถไฟในครั้งนี้ได้ขยายเป็นวงกว้างของผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน
เนื่องจากการรถไฟไม่สามารถให้บริการรับ-ส่งผู้โดยสารได้
เพราะทางการรถไฟต้องปิดให้บริการชั่วคราวทำให้ประชาชน นักเรียน นักศึกษาที่ต้องใช้บริการรถไฟเป็นพาหนะในการเดินทางไปโรงเรียนทุกวันได้รับความลำบากในการเดินทาง
ส่วนในเรื่องเศรษฐกิจ และวิถีชีวิตของประชาชนโดยรวมในพื้นที่
ที่มีการขนส่งพืชผลทางการเกษตรได้รับความเดือดร้อนแสนสาหัส
โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่มีการขนส่งผลผลิตทางการเกษตรเพื่อนำไปจำหน่ายยังนอกพื้นที่ของพี่น้องประชาชน
จนถึงแหล่งเศรษฐกิจ อ.สุไหงโก-ลก
ก็พลอยได้รับผลกระทบไม่สามารถขนส่งสินค้าทางรถไฟได้โดยสะดวก
การกระทำของผู้ก่อเหตุรุนแรงในครั้งนี้
มุ่งสังหารหมู่ประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นการกระทำไร้ซึ่งมนุษยธรรมไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนพี่น้องมุสลิมด้วยกัน
เราขอประณามการกระทำดังกล่าวถือเป็นการกระทำของผู้ไร้อุดมการณ์
ถือว่าเป็นการกระทำอันโหดร้ายป่าเถื่อน ไร้ซี่งมนุษยธรรม ไร้ความเป็นมนุษย์
ไม่คำนึงถึงถึงความเดือดร้อนของพี่พี่น้องประชาชนที่กำลังเผชิญความลำบากจากโรคร้าย
เป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนสร้างความทุกข์ยากให้กับประชาชนในพื้นที่
ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
พฤติกรรแบบนี้เป็นการกระทำที่สุดโต่งสมควรได้รับการประณามร่วมกันอย่างกว้างขวาง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น