เลขาฯ ป.ป.ส.
ย้ำ ประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่ “ผู้เสพ คือ ผู้ป่วย”
ใช้กระบวนการทางสาธารณสุขและสุขภาพในการแก้ไขปัญหาผู้เสพผู้ติดยาเสพติด
นายวิชัย
ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.)
กล่าวถึงสาระสำคัญ เรื่อง “ผู้เสพ คือ ผู้ป่วย”
ตามประมวลกฎหมายยาเสพติดที่มีผลบังคับใช้ เมื่อวันที่ 9
ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมานั้น
"การเสพยาเสพติด ยังคงมีโทษอยู่ (ม.162,163) แต่หากผู้เสพสมัครใจเข้ารับการบำบัดรักษา
และดำเนินการเข้ารับการบำบัดจนครบถ้วน ก็จะไม่มีความผิด ทั้งนี้
บทลงโทษทางกฎหมายยังคงมีอยู่ ซึ่งกฎหมายนี้มีเจตนารมย์ที่จะช่วยเหลือ
ให้เข้ารับบำบัดโดยไม่เอาผิดทางอาญา
หรือการลดการเป็นอาชญากรรมของผู้เสพ
(decriminalization)
“มองผู้เสพ
เป็นผู้ป่วย” ใช้กระบวนการทางสาธารณสุขและสุขภาพในการแก้ไขปัญหาผู้เสพผู้ติด"
โดยหลักขอให้เข้าใจ
ดังนี้
1. กรณีความผิดฐานเสพ และครอบครองเพื่อเสพ กฎหมายยังคงกำหนดเป็นความเป็น
ข้อหาเสพ มีโทษจำคุก 1 ปี ครอบครองเพื่อเสพ
(ครอบครองในปริมาณเล็กน้อยไม่เกินปริมาณที่กำหนดตามข้อสันนิษฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดในกฎกระทรวง)
มีโทษจำคุก 2 ปี
2. ผู้เสพ และครอบครองเพื่อเสพที่ตำรวจตรวจพบ
โดยไม่ได้เป็นผู้ที่อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีอื่นที่มีโทษจำคุก
หรืออยู่ระหว่างรับโทษจำคุกตามคำพิพากษาของศาล
ไม่มีพฤติกรรมที่อาจก่ออันตรายกับผู้อื่น และผู้นั้นยินยอมเข้าสู่การบำบัดรักษา
กฎหมายให้สิทธิแก่ผู้นั้น โดยให้ตำรวจนำตัวมายังศูนย์คัดกรอง
เพื่อประเมินการติดยาเสพติด และส่งเข้ารับการบำบัดรักษาที่สถานพยาบาล
หรือสถานฟื้นฟู โดยไม่ต้องนำตัวไปส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี ทั้งนี้
หากผู้นั้นเข้ารับการบำบัดครบถ้วนตามโปรแกรม และได้รับการรับรองว่าเป็นผู้ผ่านการบำบัดฯ
ก็ให้ผู้นั้นไม่มีความผิด
3. ผู้ที่ไม่ยินยอมเข้ารับการบำบัด
หรือไม่เข้าเงื่อนไขที่จะได้รับการบำบัดตามข้อ 2
จะถูกส่งตัวไปยังพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีและส่งพนักงานอัยการยื่นฟ้องต่อศาลแขวง
โดยกฎหมายจะให้อำนาจศาลพิจารณาโดยเน้นการส่งตัวไปบำบัดรักษา
นายวิชัย
ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส.กล่าวต่อ “ผู้เข้ารับการบำบัดฟื้นฟู
และผู้ผ่านการบำบัดฟื้นฟูกฎหมายนี้ให้มีศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคม
เข้ามาให้การสงเคราะห์ ดูแล ช่วยเหลือ ฝึกอาชีพให้ที่อยู่ชั่วคราว
เพื่อให้คนเหล่านี้ ไม่กลับไปเสพยาเสพติดอีก และขอให้เข้าใจว่า
สำหรับข้อหาครอบครองเพื่อเสพ เป็นการกำหนดขึ้นมาใหม่ เพื่อเป็นคุณแก่ผู้เสพ
ที่มียาเสพติดไว้ในครอบครองในปริมาณเล็กน้อยสำหรับเสพของตนเอง ซึ่งกฎหมายนี้
จะถือเป็นผู้ป่วยที่จะได้รับการดูแลบำบัดรักษา แทนการถูกดำเนินคดีอาญา
หรือการลงโทษจำคุก”
เลขาฯ ป.ป.ส.
กล่าวทิ้งท้ายว่า “ตามนโยบายของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ได้เน้นย้ำการบังคับใช้กฎหมาย
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปราบยาเสพติด
ซึ่งประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่นี้ ปรับแนวคิดเพื่อให้ทันสมัยและเป็นสากล
สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศรวมทั้งปรับปรุงบทบัญญัติให้สอดคล้องกับผลการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยพิเศษว่าด้วยปัญหายาเสพติดโลก
(United
Nations General Assembly Special Session on the world drugs Problem-UNGASS 2016)
โดยยึดหลัก “ผู้เสพ” คือ “ผู้ป่วย”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น